รอบอาทิตย์สุดท้าย ก.ค. 54: เปิดสภาแล้ว

รอบอาทิตย์สุดท้าย ก.ค. 54: เปิดสภาแล้ว

เมื่อ 1 ส.ค. 2554

ประชาธิปัตย์มีมติไม่ส่งคนชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ

นพ.บุรณัชย์ เผย ปชป.มีมติเอกฉันท์ ไม่ส่งคนชิงเก้าอี้ปธ.สภาฯ อ้างประชาชนมีฉันทามติเลือก พท.แล้ว แต่ยังอุบไต๋จะส่ง ส.ส.ท้าชิงตำแหน่งนายกฯ หรือไม่

 
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 ส.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ รักษาการโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวหลังการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรคฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อหารือในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานสภาฯ ในวันที่ 2 ส.ค.ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่ส่งตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์เข้าชิงตำแหน่งประธานสภาฯ เพราะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีฉันทามติของประชาชนที่ได้เลือกพรรคเพื่อไทยให้ได้รับเสียงข้างมากแล้ว ซึ่งฉันทามตินั้น ถือว่ารวมไปถึงการเลือกตำแหน่งที่ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่ของส.ส. และพรรคฯ เองเคารพมติของประชาชนจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งการทำงานของสถาบันนิติบัญญัติมีความสำคัญมากในการฟื้นคืนความเชื่อมั่น และการดำรงตำแหน่งประธานและรองประธานจะต้องยึดถือความเป็นกลาง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีพรรคเพื่อไทยมีมติเสนอนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่นเป็นประธานสภา เห็นว่าเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า พรรคฯ ได้กล่าวโดยรวมแล้วว่าไม่ว่าใครจะมารับตำแหน่งประธาน สภาฯ ต้องดำรงความเป็นธรรม เพราะถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ยิ่งในยุคที่บ้านเมืองผ่านความขัดแย้งในหลายปีที่ผ่านมาและความกังวลของบางฝ่ายที่ไม่อยากจะเห็นการใช้เสียงข้างมากผูกขาดการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นอำนาจฝ่ายบริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งจะสามารถสร้างความมั่นใจได้โดยการปฏิบัติหน้าที่ที่เคารพเสียงทุกเสียง
 
ถามต่ออีกว่า กรณีมีพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อรองประธานสภาคือ นายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.ชัยภูมิและนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคประชาธิปัตย์ได้พูดคุยหรือแสดงความเป็นห่วงในการทำหน้าที่หรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าว ว่า ตัวบุคคลไม่สำคัญ แนวทางการทำงานต่อไปในอนาคตซึ่งจะต้องรอให้แต่ละท่านได้รับการเสนอชื่อและมีการลง มติรับรองและได้ปฏิบัติหน้าที่ก่อน สำหรับคำถาม กรณีนี้จะไม่รวมถึงการเสนอชื่อชิงตำแหน่งนายกฯของพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ทางพรรคฯ ยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องนี้ วันนี้ที่ประชุมได้พูดคุยเฉพาะวาระที่จะถึงในวันที่ 2 ส.ค.
 
ที่มา: ไทยรัฐ
 
 
นายกฯติง"กกต."ปูดปฏิวัติกระเทือนกองทัพ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่าหากมีการข่มขู่ กกต.มาก อาจนำไปสู่การที่ทหารจะออกมาปฏิวัติว่า อยากให้กกต. ระมัดระวังคำพูด เพราะเวลาพูดอะไรแบบนี้มันกระเทือน กองทัพซึ่งไม่ได้รู้เรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย ก็จะต้องมานั่งตอบคำถามในเรื่องการรัฐประหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องทั้งสิ้นในยุคนี้แล้ว รวมทั้งส่งผลกระทบไปตอกย้ำความเชื่อของประชาชน

"สิ่งที่กกต.ต้องพยายามทำให้เห็นก็คือว่าท่านทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง ใครใช้วิธีการไม่ถูกต้องในการข่มขู่คุกคามกดดัน คิดจะใช้ความรุนแรงท่านต้องตอบโต้ด้วยเรื่องกฎหมาย มากกว่าที่จะมาบอกว่าเดี๋ยวการเมืองจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราต้องแยกกันให้ออก ก็ย้ำมาหลายครั้งว่าปัญหาของประเทศไทยคือเรามักจะแยกกันไม่ออกว่าอะไรเป็นกระบวนการทางการเมืองอะไรเป็นกระบวนการทางกฎหมาย ถ้าเราแยกให้ออกตรงนี้แบ่งหน้าที่ให้ชัด ทุกอย่างก็จะชัดเจน จะไม่สร้างความสับสน และจะไม่สร้างปัญหาใหม่"นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากย้ำว่าหวังให้ทุกอย่างกลับเข้ามาสู่ระบบของสภามากยิ่งขึ้น การเมืองที่ใช้ลักษณะของมวลชนกดดันเรียกร้อง แสดงพลัง หวังว่าจะลดลงไป โดยให้สภาฯทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันรัฐบาลมีภาระหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาของประชาชน แก้ดีไม่ดีสภาฯก็ตรวจสอบ และประชาชนจะดูแล แต่อะไรซึ่งเป็นเรื่องการทำผิดกฎหมายไม่ถูกต้อง ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ว่าคนมีอำนาจหรือคนมีผู้สนับสนุนมากแล้วสามารถที่จะทำอะไรผิดได้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษวันที่ 1 ..นี้ ได้สั่งให้หน่วยงานต่างๆได้รวบรวมข้อมูลเพื่อเตรียมจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี อย่างสมพระเกียรติ

นอกจากนี้อาจมีอีกเรื่องที่ ครม. ต้องพิจารณา คือ การคืนตำแหน่งให้ นายจาดุร อภิชาตบุตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ให้กลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีตามเดิม ตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด เพราะหากไม่ดำเนินการในวันที่ 1 ..นี้ อาจไม่ทันตามเงื่อนเวลาที่ศาลปกครองกำหนดไว้

ที่มา: โพสต์ทูเดย์

 

คุกตลอดชีวิต 3 ช่างกลฆ่านศ.อุเทนฯ

ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกตลอดชีวิต 3 นศ.ช่างกลปทุมวัน รวมกับพวกฆ่า นศ.อุเทนฯ ปี 2 เสียชีวิตเมื่อปี 49 แล้วหลบหนีไม่มาศาล ดานแม่เหยื่อวอน ตร.ตามจับตัวฆาตกรมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เผยอโหสิกรรมให้หมดแล้ว อยากให้หมดเวรกรรมในชาตินี้

เมื่อวันที่ 25 .. ที่ห้องพิจารณาคดี 707 ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลย ในคดีหมายเลขดำ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และนางเตือนจิตต์ วิริยารัมภา โจทก์ร่วม เป็นโจทก์ฟ้อง นายสุทธินันท์ หรือตู๋ หวังหอมกลาง นายมงคล หรือเหยิน ศรีพูล และนายชาตรี หรือปิ๊ก จูวรรณะ อดีตนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ พ...อาวุธปืนฯ

กรณีจำเลยทั้งสามร่วมกับพวกที่หลบหนี ฆ่านายเบญจพล หรือโต้ง วิริยารัมภา นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 .. 49 ที่ซอยลาดพร้าว 124 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม.

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ..51 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 60 บาท และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 4,250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันทำละเมิด โดยศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสาม หลังจากทั้งสามหลบหนี

อ่านเพิ่มเติมใน : ไทยรัฐ

 

กทม.ประกาศรื้อถอนป้ายโฆษณา-ตู้โทรศัพท์ผิดกฎหมายทั่วกรุง

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ กล่าวถึงโครงการจัดเก็บป้าย และดูแลความสะอาดเมือง ภายหลังการประชุมร่วมกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ กทม. อาทิ สำนักเทศกิจ สำนักการจราจรและขนราชนิกูล"บริพัตร"ประมูลขายที่เวิ้งนครเกษม 14 ไร่ วาละ5-8แสน ผู้เช่า600รายผนึกกำลังค้าน ส่ง สำนักการโยธา ว่า ภายในระยะเวลา 3 เดือนจากนี้ กทม.จะจริงจังกับป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ผิดกฎหมาย 131 ป้าย และป้ายโฆษณาขนาดเล็ก อาทิ ป้ายเงินด่วน กำจัดปลวก ป้ายเลียนแบบป้ายจราจร และภาพขีดเขียนกราฟิกบนกำแพง โดยจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดตาม พ...รักษาความสะอาดฯ พ..2535 หากเจ้าหน้าที่พบการกระทำผิดจะฟ้องจับปรับทันที รวมถึงดำเนินการตรวจผ่านกล้องวงจรปิด และใช้มาตรการของภาษีป้ายมาป้องปรามป้ายที่ผิดกฎหมายรวมทั้งจะดำเนินการกับตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ติดตั้งผิดกฎหมาย 10,000 ตู้ และทำการรื้อถอน

“ที่ผ่านมา กทม.ได้เริ่มดำเนินการโครงการนี้ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ..2552 โดยเริ่มรณรงค์งดติดป้ายโฆษณาในที่สาธารณะ และให้ผู้ประกอบการจัดเก็บป้ายโฆษณาที่ติดตั้งผิดกฎหมาย และเริ่มออกตรวจ จัดเก็บป้ายผิดกฎหมาย จนถึงปัจจุบันเก็บป้ายผิดกฎหมายได้ไปแล้วทั้งหมด 1,200,000 ป้าย”นายธีระชน กล่าว

ที่มา: มติชน


 

อดีตคนงานเคเอฟซี วอนสถานทูตสหรัฐฯ เตือนนายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายไทย

กรณี บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารและผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ร้านอาหารบริการด่วน เคเอฟซี และ พิซซ่าฮัท ในประเทศไทย เลิกจ้างพนักงาน 3 คน หลังพนักงานเคเอฟซี-พิซซ่าฮัทในกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน 200 คน ร่วมกันลงชื่อเพื่อยื่นข้อเรียกร้องปรับปรุงสภาพการจ้าง เมื่อวันที่ 26 เม.. 54

ล่าสุด (26 ..54) คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย พร้อมด้วยอดีตพนักงาน เดินทางยื่นหนังสือต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกา โดยเรียกร้องต่อสถานทูตฯ ให้ความช่วยเหลือแรงงานไทย โดยให้ผู้บริหารบริษัท ยัมเรสเทอรองส์อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นคนสัญชาติอเมริกา ปฏิบัติตามกฎหมาย พ...แรงงานสัมพันธ์ พ..2518 สนับสนุนให้เกิดการรวมตัวเป็นสหภาพแรงงาน และหยุดละเมิดสิทธิแรงงาน เพื่อให้เกิดมาตรฐานแรงงาน และความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับพนักงาน

ด้านนางอภันตรี เจริญศักดิ์ หนึ่งในสามพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง กล่าวว่า ยังอยากกลับเข้าทำงานและอยากให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 .. ที่ผ่านมา พวกตนได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ (ครส.) กระทรวงแรงงาน เพื่อให้แก้ไขข้อพิพาทระหว่างพวกตนกับบริษัท ยัมฯ ซึ่ง ครส.ได้เรียกพวกตนเพื่อสอบถามความเป็นมาในวันที่ 28 ..ที่จะถึงนี้

ที่มา: ประชาไท


 

ราชนิกูล"บริพัตร"ประมูลขายที่เวิ้งนครเกษม 14 ไร่ วาละ5-8แสน ผู้เช่า600รายผนึกกำลังค้าน

ราชนิกุล"บริพัตร"เล็งขายที่ดินเวิ้งนครเกษม 14 ไร่ คาดได้ราคาดี เพราะที่มีศักยภาพสูง เหมาะพัฒนา ใกล้รถไฟฟ้าสีน้ำเงิน แต่อาจติดกฎหมายอนุรักษ์ เพราะเป็นย่านเมืองเก่า แถมเจอปัญหาผู้เช่า 600 รายคัดค้าน ถึงขั้นรวมตัวลงขันขอซื้อแข่ง เผยกลุ่มโบ๊เบ๊สนประมูลซื้อ

นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือแอเรีย เปิดเผยว่า ในขณะนี้มีการเปิดประมูลที่ดินเนื้อที่ 14 ไร่ 1 งาน และ 91 ตารางวา บริเวณเวิ้งนาครเขษม หรือเวิ้งนครเกษม คาดว่าราคาที่ดินดังกล่าวน่าจะไม่ต่ำกว่า 5-8 แสนบาทต่อตารางวา เนื่องจากเป็นที่ดินแปลงใหญ่ แต่จะมีคนเข้ามาประมูลมากแค่ไหนไม่สามารถบอกได้ แม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะมีศักยภาพสูง เพราะอยู่ใกล้กับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ใกล้หัวลำโพงและเยาวราช

หากดูตามศักยภาพตามที่ที่ดินตั้งอยู่แล้วสามารถนำมาพัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ได้ แต่เรื่องดังกล่าวไม่สามารถดูตามกฎหมายผังเมืองได้เพียงอย่างเดียว เนื่องจากเวิ้งนครเกษมอยู่ในย่านชุมชนเก่าแก่ ดังนั้น การพัฒนาจะต้องดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ด้วยว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ และเท่าที่ทราบผู้เช่าพื้นที่เดิมซึ่งมีอยู่ประมาณ 600 กว่ารายก็คัดค้าน แต่สัญญาเช่าจะหมดลงในเดือนกันยายน 2555 ล่าสุดทราบว่ามีการรวบรวมเงินเพื่อที่จะซื้อที่ดินดังกล่าวด้วย

นายมานพ พงศทัต อาจารย์ภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทางผังเมือง กทม.กำลังดูรายละเอียดอยู่ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากอยู่ใกล้กับเยาวราช และใกล้เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งจะทำให้ระบบสาธารณูปโภคหรือบริการของรัฐดีขึ้น ซึ่งโดยหลักการของผังเมืองใหม่นั้นจะให้สิทธิเจ้าของที่ดินที่มีที่ดินติดสถานีพัฒนาได้มากขึ้นคือเอฟเออาร์ (อัตราส่วนการใช้พื้นที่อาคารต่อที่ดิน) 15/1 แต่ทั้งนี้จะต้องมีการจัดทำพื้นที่สำหรับบริการสาธารณะด้วย เช่น พื้นที่จอดรถ เป็นต้น ส่วนพื้นที่รัศมี 500 เมตรรอบสถานีนั้นก็จะทำให้เกิดการพัฒนาที่ดินมากขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมการก่อสร้างหรือไม่ ซึ่งหากติดก็อาจพัฒนาเป็นตึกสูงไม่ได้

อ่านเพิ่มเติมที่ : มติชนรายวัน ฉบับ 28 ..2554


 

นัดถกฝ่ายกม.หาช่องเอาผิดผู้เกี่ยวข้องคอนเสิร์ตคาราบาว

เมื่อวันที่ 26 .. นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณอนุกรรมการด้านกฎหมาย ของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจะมีการนำประเด็นการจัดมหกรรมคอนเสิร์ต 30 ปี คาราบาว เข้าหารือ เพื่อพิจารณาว่านอกจากผู้ประกอบการที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ จัดคอนเสิร์ตแล้ว จะมีการกล่าวโทษใครเพิ่มเติมบ้าง ซึ่งจะมีการนำกรณีของผู้ว่าราชการจังหวัดจ.ขอนแก่น, มุกดาหาร, เลย, สุราษฎร์ธานี และพัทลุง ที่ให้มีการจัดคอนเสิร์ตดังกล่าวที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัด รวมไปถึงกรณีวงคาราบาว ที่รับงานคอนเสิร์ตจะถือว่าเป็นตัวการร่วมหรือไม่ เข้าหารือในการประชุมด้วย

นพ.สมาน กล่าวอีกว่า รอง ผวจ.ขอนแก่น ได้โทรศัพท์มาหาตน และยอมรับว่าเป็นผู้ที่อนุญาตให้ใช้สถานที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางในการจัดคอนเสิร์ตดังกล่าว แต่ยืนยันว่าไม่ได้อนุญาตให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงไปว่าการจัดคอนเสิร์ตดังกล่าวมีการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยซึ่งก็ถือว่าผิดกฎหมายเช่นกัน อย่างไรก็ตามการจะดูว่าผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องบ้างจะต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานสอบสวน และการพิจารณาจากการประชุมคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย

ด้าน น..จิราภรณ์ กมลรังสรรค์ แกนนำเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า เชื่อว่าเยาวชนส่วนใหญ่ชื่นชอบวงคาราบาวและต้องการเข้าไปดูคอนเสิร์ตเพื่อความสนุกสนาน แต่การที่บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และผู้จัดงานใช้คอนเสิร์ตคาราบาวมา บังหน้าเพื่อหาผลประโยชน์ด้วยการขายสินค้า และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ลดแลกแจกแถม แสดงให้เห็นว่า ผู้จัดงานและบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่มีจริยธรรม ไม่มีจิตสำนึกในการปกป้องเยาวชนจากปัญหาและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เช่น หากมีอุบัติเหตุและการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นภายในงาน ผู้จัดงานและบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

..จิราภรณ์ กล่าวต่อไปว่า วงคาราบาวเปรียบเสมือนวงดนตรีแห่งตำนานที่ควรค่าแห่งการอนุรักษ์ไว้ เพราะเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น เมื่อมีคอนเสิร์ตก็จะได้รับการตอบรับจากคนทั่วทั้งประเทศเป็นอย่างดี หากมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาในงานเกรง ว่ากิจกรรมคอนเสิร์ตนั้นจะมัวหมอง ดังกรณีที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเครือข่ายเยาวชนขอเรียกร้องให้ผู้จัดงานและบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้มาก อย่าหวังเพียงผลประโยชน์จากการจัดคอนเสิร์ตเพียงอย่างเดียว น..จิราภรณ์ กล่าวเพิ่มว่า การที่บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีการ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสวนสาธารณะและสถานที่ราชการตามที่เป็นข่าว เครือข่ายเยาวชนรับไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการแก้ตัวโดยที่มีหลักฐานมัดแน่นและชัดเจนว่ามีการกระทำผิด ตาม พ...ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551 ดังนั้นจึงถือว่าฟังไม่ขึ้น เรื่องนี้สังคมคงต้องช่วยกันจับตามองว่าสิ่งที่บริษัทเหล่านี้ทำถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้จึงฝากไปถึงกระทรวงสาธารณสุขควรลงโทษตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดหากพบว่า ยังมีการกระทำผิดกฎหมายทั้งก่อนหน้านี้และการจัดงานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ อยากฝากไปถึงกระทรวงวัฒนธรรมให้เข้ามาควบคุมดูแลและทำหนังสือไปยัง ผู้จัดงานให้รับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วยเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้ เกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การกระทำอนาจารตามมา

ขณะที่นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวตนได้รับแจ้งข้อมูลจากเครือข่ายองค์กรงดเหล้าทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งเห็นตรงกันที่จะสนับสนุนการจัดคอนเสิร์ตคาราบาว แต่ไม่ต้องการให้ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาหาผลประโยชน์โดยไม่สนใจกฎหมาย เพราะบริษัทดังกล่าวมีสินค้าที่ไม่ผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ในเครือเป็นจำนวนมาก แต่ทำไมต้องเจาะจงหาผลประโยชน์ในรูปแบบนี้ เครือ ข่ายงดเหล้าทั่วประเทศขอสนับสนุนกฎหมายของทางกระทรวงสาธารณสุข เพื่อบังคับใช้กับผู้จัดงานและบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหล่านี้ และขอเรียกร้องไปยังกระทรวงมหาดไทย ให้เข้ามาตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น และพิจารณามาตรการป้องกันแก้ไข เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงและเกิดกิจกรรมส่งเสริมการขายแฝงในคอนเสิร์ตแบบนี้อีก

ที่มา : ไทยรัฐ

 

ผกก.เมืองกรุงเก่าเอาจริงกำชับรถตุ๊กตุ๊กปฏิบัติตาม กม.จราจร

พระนครศรีอยุธยา - ผกก.พระนครศรีอยุธยาเอาจริงเรียกผู้ประกอบการรถตุ๊กตุ๊กประชุม พร้อมวางมาตรการเข้มให้ปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายจราจร หลังชาวบ้าน นักท่องเที่ยวร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการขับขี่และให้บริการผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 10.00 .วันนี้ (28 ..) ...สมบัติ ชูชัยยะ ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา พ...สุรศักดิ์ อินทร์จันทร์ รอง ผกก.จร.สภ.พระนครศรีอยุธยา พ...คมสัน ศรีงิ้ว สว.จร.สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้เรียกประชุมผู้ประกอบการรถตุ๊กตุ๊กโดยสารใน จ.พระนครศรีอยุธยา กว่า 200 คันที่ห้องประชุมโรงเรียน จิระศาสตร์วิทยา เกี่ยวกับกฎระเบียบข้อกฎหมายหลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวใน จ.พระนครศรีอยุธยา เรื่องการปล่อยปละละเลยให้ผู้โดยสารที่เป็นนักเรียนห้อยโหนกันเต็มคันรถ การจอดรถกีดขวางการจราจร การแสดงวาจาไม่สุภาพกับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่สัญจรไปมาตามท้องถนน การเอารัดเอาเปรียบค่าโดยสารกับนักท่องเที่ยว

โดย พ...สมบัติได้กำชับผู้ประกอบการรถตุ๊กตุ๊กว่า ต่อไปจะต้องปฏิบัติให้อยู่ในกรอบข้อบังคับของกฎหมายจราจร เพื่อให้เป็นภาพพจน์ที่ดีใน จ.พระนครศรีอยุธยา เพราะว่ารถตุ๊กตุ๊กนับเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดและทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะเป็นเจ้าภาพในการจัดงานเวิลด์เอกซ์โปรโลก ถ้าคนในพื้นที่ทำดีก็เป็นหน้าเป็นตากับคนทั้งโลก แต่หากมีสิ่งที่ไม่ดีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็จะเสื่อมเสียโดยตรง

...สมบัติกล่าวว่า “ผมเป็นคนอยุธยาโดยกำเนิด มารับราชการเป็นผู้กำกับอยู่ที่นี่ก็อยากจะเห็นบ้านเกิดตัวเองมีระเบียบเรียบร้อยจากคนภายนอก อันไหนพออะลุ้มอล่วยกันได้ก็ให้ เพื่อความเป็นอยู่และปากท้อง แต่ถ้าหากเกินไปก็ต้องจับกุมตามกฎหมาย หากตำรวจไม่ทำตามหน้าที่ก็จะมองว่าปล่อยปละละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การเรียกประชุมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการหาทางออก เพื่อเป็นประโยชน์ทั้งผู้ประกอบการรถตุ๊กตุ๊กโดยสาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้โดยสารรวมทั้งนักท่องเที่ยว ให้มีความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน”

ที่มา: ผู้จัดการ

 

ไอซีทีแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริก ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ

นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที กล่าวว่า กระทรวงไอซีที ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้งานไบโอเมตริกในการบ่งบอกอัตลักษณ์บุคคล เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ โดยการศึกษาวิเคราะห์ และสำรวจการใช้งานข้อมูลไบโอเมตริกในการให้บริการ ประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า แม้ปัจจุบัน หน่วยงานภาครัฐจะมีการใช้งานข้อมูลไบโอเมตริกประเภทต่างๆ ได้แก่ ลายนิ้วมือ ภาพใบหน้า ดีเอ็นเอ ม่านตา เพื่อสนับสนุนการให้บริการประชาชนในรูปแบบของบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ การจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ การจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการผ่านแดนอิเล็กทรอนิกส์ การตรวจสอบประวัติอาชญากร แต่การใช้งานข้อมูลไบโอเมตริกดังกล่าว ยังใช้งานเฉพาะภายในหน่วยงาน หรือระหว่างหน่วยงานตามที่มีข้อตกลงร่วมกันเท่านั้น โดยยังมิได้กำหนดมาตรฐานกลางการใช้งานข้อมูลไบโอเมตริกเพื่อการแลก เปลี่ยนร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดอย่างเป็นระบบ ซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคสำคัญในการบูรณาการ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ กระทรวงฯ จึงได้ผลักดันให้ดำเนินการกำหนดมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริก โดยอิงตามแนวทางของมาตรฐานสากล โดยในระยะเริ่มต้นจะดำเนินการศึกษา และเสนอแนะกรอบแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อ มูลไบโอเมตริกระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สำหรับการกำหนดเป็นมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกของประเทศไทย และดำเนินโครงการนำร่องโดยทดสอบการดำเนินงานตามกรอบแนวทางดังกล่าวร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐที่มีความพร้อม ก่อนขยายผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของการกำหนดมาตรฐานกลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริก และการสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกเพื่อการใช้งานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมของประเทศ

วัตถุประสงค์สำคัญในการดำเนินการนี้ เพื่อศึกษาและเสนอแนะกรอบแนวทาง การแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกระหว่างหน่วยงานภาครัฐ โดยอิงตามแนวทางของมาตรฐานสากล รวมทั้ง ทดสอบการดำเนินงานตามกรอบแนวทางดังกล่าวโดยดำเนินโครงการนำร่อง ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่มีความพร้อม ตลอดจนเพื่อจัดทำร่างมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกระหว่างหน่วยงาน ภาครัฐ สำหรับการกำหนดเป็นมาตรฐานด้านไบโอเมตริกของประเทศไทย ซึ่งในปี 2554 กระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาและจัดทำระบบทดสอบนำร่องในการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกข้ามหน่วยงาน โดยใช้มาตรฐานด้านไบโอเมตริกสากล (ISO/IEC JTC1 SC37) เพื่อทำการกำหนดกรอบแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริก และร่างมาตรฐานกลางการใช้ข้อมูลไบโอเมตริกเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง หน่วยงานอย่างเป็นระบบด้วย” นายธานีรัตน์ กล่าว

สำหรับ การทดสอบระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกนั้น ได้ดำเนินการร่วมกับ 3 หน่วยงาน คือ กรมการปกครอง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และกรมการกงสุล ซึ่งผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่า ทางเทคนิคแล้วมีความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง ทั้ง 3 หน่วยงานดังกล่าว จึงทำให้เห็นถึงโอกาสในการขยายรูปแบบการทำงานและการให้บริการฯ ให้กว้างขวางออกไปยังหน่วยงานอื่นๆ ต่อไป

อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาข้างต้นยังพบอีกว่า การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้จริงยังคงมี หลายประการ โดยเฉพาะในเรื่องของกฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับอุปสรรคต่าง ๆ ที่ยังไม่เอื้อต่อการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงจำเป็นต้องมีการปรับแก้กฎหมาย กฎระเบียบให้มีความสอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งกระทรวงฯ จะได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับแก้ไขต่อไป

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

 

นิวยอร์กสมรสเพศเดียวกันอย่างถูกกฎหมาย

คู่รักเกย์และเลสเบี้ยนในนิวยอร์กหลายร้อยคู่เข้าแถวรอเพื่อจัดพิธีสมรสหลังรัฐนิวยอร์กเป็นรัฐที่ 6 ของสหรัฐฯที่อนุญาตให้ชาย-หญิงเพศเดียวกันสมรสกันได้อย่างถูกต้อง

วันอาทิตย์ที่ 24 .. ผ่านมา เป็นวันแรกที่รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้ชายหรือหญิงเพศเดียวกัน ทำพิธีสมรสและจดทะเบียนได้อย่างถูกต้องตามกฏหมายหลังจากที่กฏหมายการสมรสระหว่างเพศเดียวกันบังคับใช้อย่างเป็นทางการ โดยที่สำนักงานเขตแมนฮัตตัน มีคู่เกย์และเลสเบี้ยนหลายร้อยคู่มาต่อแถวหน้าอาคารสำนักงานเขต เพื่อรอเข้าพิธีสมรสและจดทะเบียน ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานเขตเผยว่ามีผู้มาจองคิวจัดพีธีสมรสกว่า 2,600 คู่ โดยแบบฟอร์มใบขออนุญาตจัดพิธีสมรสในอินเตอร์เน็ตมีการเปลี่ยนคำนำหน้าจากคำว่า เจ้าบ่าว-เจ้าสาว มาเป็น คู่สมรสเอและคู่สมรสบี เพื่อลบเส้นแบ่งระหว่างเพศออกไป อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สามารถจัดพิธีให้ได้เพียง 1 ใน 3 ของจำนวนที่ขอมาเท่านั้นซึ่งขณะนี้รัฐนิวยอร์กมีผู้จดทะเบียนสมรสไปแล้วทั้งสิน 764 คู่ ซึ่งหลังทำพิธีแล้วเสร็จ คู่รักหลายวัยก็ถูกห้อมล้อมด้วยญาติและเพื่อนๆที่มาแสดงความยินดีโดยหลายคนส่งเสียงเชียร์ให้ทั้งคู่โชว์ทะเบียนสมรสที่พวกเขารอคอย

รัฐนิวยอร์กเป็นรัฐที่ 6 ในสหรัฐฯ ที่ออกกฏหมายให้ชาย หรือหญิงเพศเดียวกันสมรสได้ตามกฎหมายง โดยรัฐที่อนุญาตไปก่อนหน้านี้คือคอนเนคทิคัต,ไอโอวา,เมสซาซูเซส,นิว แฮมเชียร์, เวอร์มอน และโคลัมเบีย เจ้าหน้าที่ประเมินว่าการที่รัฐนิวยอร์กผ่านกฏหมายนี้ จะทำให้นิวยอร์กมีเงินหมุนเวียนให้ระบบเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า อีกประมาณ 400 ล้านดอลลาห์สหรัฐฯ หรือประมาณ1หมื่น1 พันล้านบาท

ที่มา : Voice TV

 

จีนเตรียมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกหนึ่งเท่าตัวภายในปี 2558

จีนเตรียมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกหนึ่งเท่าตัว เพื่อตอบรับกับปัญหาเงินเฟ้อและแก้ไขช่องว่างระหว่างคนรวยคนจน

ประเทศจีนขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีค่าแรงถูกที่สุดประเทศหนึ่งของโลก แต่หลังจากที่รัฐบาลจีนแก้ไขกฎหมายค่าจ้างแรงงานใหม่เมื่อปี 2551 เพื่อขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและมอบสวัสดิการที่ดีขึ้นให้กับแรงงาน ก็ทำให้ประเทศจีนผงาดขึ้นมาเป็นประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา 15 ประเทศในทวีปเอเชีย รองจากประเทศมาเลเซียและประเทศไทย ซึ่งเป็นจากการจัดอันดับของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ

ในปัจจุบันค่าจ้างขั้นต่ำของจีนแต่ละเดือน อยู่ที่ประมาณ 5,500 บาท โดยตัวเลขดังกล่าวได้มาจาก การนำค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละมณฑลและอีก 40 เมืองใหญ่ทั่วประเทศ มาหาค่าเฉลี่ยกลาง แล้วนำไปเปรียบเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำของ 15 ประเทศ

ขณะที่ทางการจีนก็ประกาศว่าภายในปี 2558 จะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขึ้นอีกเท่าตัว ทำให้ค่าจ้างแรงงานจีน เมื่อรวมกับสวัสดิการทุกอย่างแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 11,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ จีนก็จะผงาดขึ้นมาเป็นชาติที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงที่สุดเป็นอันดับสองรองจากมาเลเซีย

โดยทางการจีนเตรียมขยายฐานการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มมากขึ้น เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆที่มีค่าแรงถูกกว่า และคาดหวังว่า การปรับเพิ่มค่าแรงอีกครั้งในอนาคต จะยิ่งทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ หันมาลงทุนในประเทศจีนมากขึ้น เพราะแรงงานจีน และประชาชนทั่วไปมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นกว่าในอดีต

นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังเชื่อว่า การปรับขึ้นค่าแรง จะไม่กระทบกับนักลงทุนต่างชาติ จนย้ายฐานการผลิต เพราะจีนยังมีระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ และมีค่าก่อสร้างโรงงานหรือสำนักงานที่ราคาถูกมาก รวมทั้งมีกฎหมายที่ให้ความยืดหยุ่นและเอื้อให้ต่อการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้นักลงทุน ยังคงเลือกประเทศจีนเป็นฐานการผลิตต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา 13 มณฑลใหญ่ในจีน ได้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากปัญหาค่าเงินเฟ้อ และพยายามลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นร้อยละ 20.6 โดยปัจจุบันเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง คือเมืองที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงที่สุดในประเทศจีน ซึ่งแรงงานจะได้รับค่าจ้างเดือนละประมาณ 6,000 บาท ขณะที่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศ คือเมืองที่มีค่าจ้างต่อชั่วโมงสูงที่สุด อยู่ที่ 13 หยวน หรือ 60 บาท ซึ่งหมายความว่า หากปรงงานทำงานวันละ 8 ชั่วโมง จะได้รับค่าจ้างทั้งหมด 480 บาท

ที่มา: VoiceTV