ไฟล์แนบ | ขนาดไฟล์ |
---|---|
พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550.pdf | 292.38 KB |
พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน ฉบับที่2 พ.ศ.2554.pdf | 100.67 KB |
ร่างพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน ฉบับประชาชน.pdf | 3.16 MB |
“การศึกษาคือรากฐานของชีวิต” ในชีวิตของคนเราปฎิเสธไม่ได้ว่าการศึกษานั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะการศึกษาช่วยให้คนคนหนึ่งมีศักยภาพในการทำประโยชน์ต่างๆ ซึ่งก่อให้เกิดการพัฒนา ดังนั้นรัฐจึงได้เข้ามาดูแลเรื่องของการศึกษาให้กับประชาชน โดยเห็นได้จากการที่รัฐได้บรรจุเรื่องสิทธิในการศึกษา ไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 50 ดังนี้
ประเด็น | พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 | ร่างพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชนที่เสนอโดยประชาชน | พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 |
นิยามของ “ผู้อนุญาต” | “ผู้อนุญาต” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนหรือผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนมอบหมาย | เสนอเปลี่ยนจาก ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนมอบหมาย | ผู้อนุญาต หมายถึง (๑) เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (๒) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนมอบหมาย หรือ (๓) ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนมอบหมาย |
องค์กรผู้ควบคุมดูแลโรงเรียนเอกชนในต่างจังหวัด | มาตรา ๑๕ เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการจัดการศึกษาเอกชน ในจังหวัดหนึ่งนอกจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้มีกลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชนเป็นส่วนราชการในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขตใดเขตหนึ่ง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาเอกชนที่อยู่ในจังหวัดนั้น | เสนอเปลี่ยนเป็น มาตรา ๑๕ เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการจัดการศึกษาเอกชน ในจังหวัดหนึ่งนอกจากกรุงเทพมหานครให้มีสำนักส่งเสริมโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาเอกชนที่อยู่ในจังหวัดนั้น | ไม่ผ่านการพิจารณา |
การยกเว้นค่าธรรมเนียมกรณีโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน | มาตรา ๒๗ การโอนกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองในที่ดินให้แก่โรงเรียนในระบบเพื่อประโยชน์ในการจัดการศึกษา ให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมทั้งปวงตามประมวลกฎหมายที่ดินและภาษีอากรตามที่จะได้มีพระราชกฤษฎีกาออกตามประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ | เสนอเปลี่ยนเป็น มาตรา ๒๗ การโอนกรรมสิทธิ์และ สิทธิครอบครองในที่ดิน สิ่งปลูกสร้างพร้อมทรัพย์สินให้แก่โรงเรียนในระบบเพื่อประโยชน์ในการจัดการศึกษา ให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีทุกชนิดอันเกิดจากการโอนกรรมสิทธิ์ดังกล่าว รวมถึงการโอนกรรมสิทธิ์กลับคืนให้กับผู้รับใบอนุญาตเมื่อโรงเรียนในระบบเลิกกิจการ | มาตรา ๒๗ การโอนกรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครองในที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นส่วนควบของที่ดินตามมาตรา ๒๕ (๑) รวมทั้งทรัพย์สินใด ๆ ที่จะต้องใช้ในกิจการของโรงเรียนให้แก่โรงเรียนในระบบเพื่อประโยชน์ในการจัดการศึกษา ให้ผู้โอนและผู้รับโอนได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสงหาริมทรัพย์ และได้รับยกเว้นภาษีอากรตามที่จะได้มีพระราชกฤษฎีกาออกตามประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ |
โรงเรียนระดับอาชีวะศึกษาใช้คำว่า "วิทยาลัย" ได้ | มาตรา ๒๘ ชื่อของโรงเรียนในระบบต้องใช้อักษรไทยขนาดใหญ่พอสมควรติดไว้ที่บริเวณโรงเรียนในระบบ ณ ที่ซึ่งเห็นได้ง่าย โดยต้องมีคำว่า “โรงเรียน” ประกอบชื่อด้วย ในกรณีที่มีอักษรต่างประเทศกำกับ ต้องไม่มีขนาดใหญ่กว่าอักษรไทย | เสนอเพิ่มวรรคสอง ในมาตรา 28 ว่า โรงเรียนเอกชนระดับอาชีวศึกษาอาจใช้คำว่า “วิทยาลัย” | เพิ่มข้อความใน มาตรา 28 วรรคแรก ว่า และสำหรับโรงเรียนในระบบที่จัดการศึกษาประเภทอาชีวศึกษาทั้งระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพและระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงอาจใช้คำว่า “วิทยาลัยอาชีวศึกษา” หรือ “วิทยาลัยเทคโนโลยี” ประกอบชื่อแทนคำว่า “โรงเรียน” ก็ได้ |
ยกเลิกการกำหนดเพดานผลตอบแทนของผู้ประกอบการโรงเรียนเอกชน | มาตรา ๓๒ การกำหนดค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นของโรงเรียนในระบบให้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการการศึกษา ค่าตอบแทนครูที่มีความรู้และความสามารถที่ดี และค่าใช้จ่ายอื่นซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการขยายกิจการและผลตอบแทน ผลตอบแทนตามวรรคหนึ่งต้องไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการกำหนด | ยกเลิก ววรคสอง ของมาตรา 32 | ยกเลิก ววรคสอง ของมาตรา 32 |
ยกเลิกการกำหนดว่า ผลกำไรของโรงเรียนเอกชนต้องจัดสรรให้แก่ผู้รับใบอนุญาตไม่เกินร้อยละสี่สิบ | มาตรา ๔๕ ผลกำไรที่ได้จากการดำเนินกิจการของโรงเรียนในระบบในแต่ละปี ให้คณะกรรมการบริหารจัดสรร ดังต่อไปนี้ (๓) จัดสรรให้แก่ผู้รับใบอนุญาตไม่เกินร้อยละสี่สิบ | เสนอเปลี่ยนเป็น มาตรา ๔๕ (๓) จัดสรรให้แก่ผู้รับใบอนุญาตไม่น้อยกว่าร้อยละสี่สิบ | ยกเลิกมาตรา๔๔ และ ๔๕ ทั้งมาตรา |
ยกเลิกการจัดสรรเงินเข้ากองทุนอื่น | มาตรา ๔๔ ให้โรงเรียนในระบบจัดให้มีกองทุนสำรอง และจะจัดให้มีกองทุนอื่นตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้โดยเฉพาะตามที่คณะกรรมการบริหารกำหนดด้วยก็ได้ มาตรา ๔๕ ผลกำไรที่ได้จากการดำเนินกิจการของโรงเรียนในระบบในแต่ละปี ให้คณะกรรมการบริหารจัดสรร ดังต่อไปนี้ (๔) ในกรณีที่มีกองทุนอื่น ให้จัดสรรกำไรส่วนที่เหลือเข้ากองทุนอื่นนั้น ในกรณีที่ไม่มีกองทุนอื่นให้จัดสรรกำไรส่วนที่เหลือเข้ากองทุนสำรอง | เสนอให้ยกเลิก มาตรา ๔๕ (๔) | ยกเลิกมาตรา๔๔ และ ๔๕ ทั้งมาตรา |
ระยะเวลาในการจัดทำงบการเงินของโรงเรียนเพื่อให้ตรวจสอบ | มาตรา ๔๗ ให้คณะกรรมการบริหารดำเนินการให้มีการตรวจสอบบัญชีของโรงเรียนในระบบเพื่อตรวจสอบและแสดงความเห็นต่องบการเงินของโรงเรียนในระบบภายในหกสิบวันนับแต่วันสิ้นรอบปีบัญชี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด | มาตรา ๔๗ ให้คณะกรรมการบริหารดำเนินการให้มีการตรวจสอบบัญชีของโรงเรียนในระบบ เพื่อตรวจสอบและแสดงความเห็นต่องบการเงินของโรงเรียนในระบบภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นรอบปีบัญชี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด | มาตรา ๔๗ ให้คณะกรรมการบริหารดำเนินการให้มีการตรวจสอบบัญชีของโรงเรียนในระบบ เพื่อตรวจสอบและแสดงความเห็นต่องบการเงินของโรงเรียนในระบบภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นรอบปีบัญชี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด |
ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับผลกำไรจากกิจการโรงเรียนเอกชน | มาตรา ๔๘ รัฐพึงให้การอุดหนุนและส่งเสริมโรงเรียนในระบบนอกเหนือจากเงินอุดหนุนตามมาตรา ๓๕ ได้ตามที่คณะกรรมการเสนอแนะ โดยเฉพาะในเรื่อง ดังต่อไปนี้ (๔) ลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินที่ได้รับจากการจัดสรรตามมาตรา ๔๕ (๓) ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในประมวลรัษฎากร | เสนอเปลี่ยนมาตรา ๔๘ เป็น (๔) ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินที่ได้รับจากการจัดสรรตามมาตรา ๔๕ (๓) ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในประมวลรัษฎากร | มาตรา ๔๘ รัฐพึงให้การอุดหนุนและส่งเสริมโรงเรียนในระบบนอกเหนือจากเงินอุดหนุนตามมาตรา ๓๕ ได้ตามที่คณะกรรมการเสนอแนะ โดยเฉพาะในเรื่อง ดังต่อไปนี้ (๔) ลดหย่อนหรือยกเว้นเงินภาษีเงินได้ของผู้รับใบอนุญาต ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในประมวลรัษฎากร |
สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน | มาตรา ๘๖ กิจการของโรงเรียนในระบบไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน แต่ผู้ปฏิบัติงานของโรงเรียนต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน | มาตรา ๘๖ กิจการของโรงเรียนในระบบในส่วนของผู้อำนวยการ ครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน แต่ผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน | มาตรา ๘๖ กิจการของโรงเรียนในระบบเฉพาะในส่วนของผู้อำนวยการ ครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน แต่ผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน |
สิทธิและหน้าที่ของโรงเรียนเอกชนที่จัดตั้งขึ้นก่อน พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 ใช้บังคับ | มาตรา ๑๕๙ ให้โรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๒๕ ซึ่งมีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นโรงเรียนในระบบหรือโรงเรียนนอกระบบ แล้วแต่กรณี ตามพระราชบัญญัตินี้ และให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้แทนของนิติบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการจัดทำตราสารจัดตั้งของโรงเรียนในระบบตามมาตรา ๑๘ วรรคสอง ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันและดำเนินการให้มีคณะกรรมการบริหารตามมาตรา ๓๐ ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ | เสนอเปลี่ยนมาตรา ๑๕๙ เป็น โรงเรียนที่จัดตั้งก่อนพระราชบัญญัตินี้บังคับใช้ให้ถือโดยอนุโลมไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญตินี้ในเรื่องที่ดินและทรัพย์สิน หากแต่มีความประสงค์จะปฏิบัติตามก็ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ | ไม่ผ่านการพิจารณา |
กรณีการใช้สิทธิในกองทุนประกันสังคมของลูกจ้างโรงเรียนเอกชน | ไม่มีบทบัญญัติให้ลูกจ้างของโรงเรียนเอกชนได้รับสิทธิในกองทุนประกันสังคมเช่นเดียวกับลูกจ้างของเอกชนแห่งอื่น | ไม่ได้มีข้อเสนอในประเด็นนี้ | มาตรา ๒๔ ให้ผู้ปฏิบัติงานที่มิใช่ครูใหญ่หรือผู้อำนวยการ หรือครูของโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งเป็นโรงเรียนในระบบตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งเคยเป็นผู้ประกันตนและส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมมาก่อนวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ดำเนินการส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมต่อไปนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ โดยให้นับระยะเวลาในการส่งเงินสมทบต่อเนื่องกับระยะเวลาที่ได้ส่งมาแล้ว และให้มีสิทธิตามที่กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมกำหนด |
จะเห็นว่า พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 ที่ออกมาบังคับใช้นั้น มีบางประเด็นที่แก้ไขตามข้อเสนอของภาคประชาชนทุกประการ โดยเอาข้อความในร่างฉบับที่ภาคประชาชนเสนอมาใช้เลยโดยตรง มีบางประเด็นที่นำหลักการที่ภาคประชาชนเสนอมาใช้ แต่เขียนถ้อยคำหรือข้อความใหม่ มีบางประเด็นที่ภาคประชาชนเสนอแล้วไม่ผ่านการพิจารณา จึงไม่ได้นำประเด็นนั้นมาบรรจุอยู่ในกฎหมายที่ประกาศใช้