รอบอาทิตย์แรก พ.ค.56 : พีมูฟรุกปักหลักหน้าทำเนียบ

รอบอาทิตย์แรก พ.ค.56 : พีมูฟรุกปักหลักหน้าทำเนียบ

เมื่อ 10 พ.ค. 2556

 

ลองของ!มือดีแฮกเว็บสำนักนายกฯด่าปู
 
เมื่อเวลา 12.00 น. 8พ.ค. เว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรี (www.opm.go.th) เจอแฮกเกอร์เข้าไปแฮกหน้าเว็บเพจที่แสดงรายชื่อคณะรัฐมนตรี http://www.opm.go.th/opminter/mainframe.asp โดยแฮกเกอร์ได้ทำการเปลี่ยนชื่อตำแหน่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความโจมตีนายกฯ โดย แฮกเกอร์ได้ระบุว่า การแฮกครั้งนี้ เป็นฝีมือของ Unlimited Hack Team
 
เจ้าหน้าที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักนายกรัฐมนตรี ทำการปิดเว็บไซต์ชั่วคราว และมีการแจ้งประสานกับปลัดกระทรวงไอซีทีแล้ว และมีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ศูนย์เทคโนโลยีฯ เดินทางไปกระทรวงไอซีทีเพื่อหารือแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป
 
ที่มาข่าว Posttoday
 
 
บ่อนอกรุกอัยการสูงสุดสู้ฏีกาค้านคำพิพากษาคดีเจริญ วัดอักษร
 
กลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 50 คน นำโดยนางสาวกรณ์อุมา พงษ์น้อย ประธานกลุ่มฯ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุดเกี่ยวกับคดีจ้างวานสังหารนายเจริญ วัดอักษร อดีตประธานกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก ผู้นำขบวนการคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าบ่อนอก ที่ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547
 
กลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอกจึงรวบรวมข้อมูลและข้อคิดเห็นและเอกสารคำพิพากษาศาลฎีกาโดยย่อในคดีอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกันที่ศาลฎีกาเคยตัดสินลงโทษจำเลยโดยอาศัยคำ "พยานบอกเล่า" และ "พยานซัดทอด" มาแล้ว และนำมายื่นต่ออัยการสูงสุด เพื่อใช้ในการจัดทำคำฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีนี้
 
ทั้งนี้คดีดังกล่าว อัยการคดีพิเศษ ส่งฟ้องจำเลยรวมทั้งสิ้น 5 ราย (จำเลยที่ 1-2 เป็นมือปืน และจำเลยที่ 3-5 เป็นผู้จ้างวาน) และศาลอาญาได้พิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551 ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 3 (นายธนู หินแก้ว) และยกฟ้องจำเลยที่ 4-5 ส่วนจำเลยที่ 1 และ 2 ซึ่งรับสารภาพว่าเป็นผู้ยิงนายเจริญ วัดอักษรจนเสียชีวิต และซัดทอดจำเลยที่ 3-5 เป็นผู้ใช้จ้างวานนั้น ล้วนเสียชีวิตในระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเมื่อปี 2549 ทั้งสองคน ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องนายธนู หินแก้ว โดยวินิจฉัยว่าคำให้การในชั้นสอบสวนของมือปืนทั้งสองคน ซึ่งไม่ได้มาเบิกความต่อศาลเพราะเสียชีวิตไปก่อนนั้น ถือเป็นเพียงพยานบอกเล่าที่มีน้ำหนักน้อย จึงให้ยกฟ้องนายธนู หินแก้ว
 
ด้านสำนักงานอัยการสูงสุด นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เป็นตัวแทนอัยการสูงสุดในการรับมอบข้อมูลดังกล่าว โดยกล่าวว่า "ท่านอัยการสูงสุดได้มีบัญชามาว่าให้ดำเนินคดีนี้อย่างเป็นธรรม ซึ่งขณะนี้ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพราะคดีนี้เป็นคดีสำคัญที่ประชาชนสนใจ จะต้องมีการดำเนินการพิจารณาโดยละเอียด ผมอยากเรียนให้ความมั่นใจต่อชาวบ่อนอกทุกท่านว่า สำนักงานอัยการสูงสุดให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และจะดำเนินการอย่างรอบคอบ"
 
ที่มาข่าว ประชาธรรม
 
 
กลุ่มอนุรักษ์อุดรฯ ฟ้องศาลปกครอง เพิกถอนใบไต่สวนเขตเหมืองโปแตชไม่ชอบ
 
9พ.ค.56)เวลา 13.30 น. ขบวนชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีประมาณ 200 คนนำเอาเอกสาร หลักฐานเกี่ยวกับการคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี จำนวน 8ชุด เดินทางไปที่ศาลปกครองอุดรธานีเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลในแผนกคดีสิ่งแวดล้อม กรณีรายงานการไต่สวนตามคำขอประทานบัตรเหมืองแร่ใต้ดินเลขที่ 1/2547-4/2547  ของบริษัท เอเซียแปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (เอพีพีซี) เป็นรายงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ศาลเพิกถอนรายงานดังกล่าวเสีย
 
ด้านนางสาว ส.รัตนมณีพลกล้า ทนายความจากศูนย์ข้อมูลชุมชน กล่าวว่า เป็นการต่อสู้ของชาวบ้านโดยการใช้ช่องทางตามกระบวนการยุติธรรมต่อไปก็ต้องรอฟังว่าศาลจะรับฟ้องคดีหรือไม่ เพราะเป็นดุลยพินิจของศาลในการพิจารณา
 
"ถึงแม้ว่าจะมีการฟ้องประเด็นเดียวกันนี้ในพื้นที่ตำบลบ้านแหงอ.งาว จ.ลำปาง ชาวบ้านคัดค้านเหมืองลิกไนต์ซึ่งศาลปกครองเชียงใหม่มีคำสั่งไม่รับฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าในกระบวนการนี้ชาวบ้านยังไม่ได้รับส่งผลกระทบจึงยังไม่มีสิทธิฟ้องแต่การยื่นฟ้องของชาวบ้านที่อุดรฯ ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า หากบริษัทฯจะได้มาซึ่งใบอนุญาตประทานบัตรในวันข้างหน้านั้น เป็นสิ่งที่ไม่ชอบ และชาวบ้านได้สิทธิคัดค้านตามกฎหมายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว"นางสาว ส.รัตนมณีกล่าว
 
ที่มาข่าว ประชาธรรม
 
 
พีมูฟออกแถลงการณ์ฉบับที่ 20 ยันปักหลักชุมนุม-เรียกร้องนายกปูแก้ปัญหา
 
ขปส. ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไป ในปี พ.ศ. 2554 เป็นต้น ซึ่งข้อเสนอของ ขปส.ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล โดยได้บรรจุไว้ในคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต และนโยบายด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ
 
ต่อมา นายกรัฐมนตรีได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหา ขปส. โดยมีรองนายกรัฐมนตรี คุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ เป็นประธาน และต่อมาเป็นคุณเฉลิม อยู่บารุง ซึ่งได้ประกาศต่อ ขปส.ว่าจะมีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 10 ชุด โดย ขปส. มีความมั่นใจต่อท่าทีและความตั้งใจของรัฐบาลมาโดยตลอด แม้ว่า ขปส. ได้เสนอให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพราะกรณี ปัญหาของ ขปส. มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานหลายกระทรวง ทบวง กรม ที่ต้องใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีสั่งการ แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีดำเนินการแทน ขปส. ก็ให้ความไว้วางใจและพร้อมจะให้ความร่วมมือในขั้นตอนการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะการประชุมวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2556 โดยรองนายกรัฐมนตรี เฉลิม อยู่บารุง เป็นประธาน มีท่าทีที่จะมุ่งแก้ไขปัญหา แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมานับจากเดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาใดใด ในขณะที่มีความรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ ทั้งการจับกุม ดำเนินคดี ไล่ที่ สะท้อนถึงความล้มเหลวของกลไกที่รัฐบาลได้ตั้งขึ้น และเป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนว่าการที่นายกรัฐมนตรีไม่เข้ามาดำเนินการเองตามข้อเสนอของ ขปส.ตั้งแต่ต้น
 
ดังนั้น ขปส.จึงขอเรียกร้องมายังนายกรัฐมนตรีให้เปิดประชุมเพื่อพิจารณากำหนดนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหาของ ขปส. โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมด้วยตนเองตามคำมั่นที่ให้ไว้กับ ขปส. ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2555 ทั้งนี้ ปัญหาส่วนใหญ่นายกรัฐมนตรีได้แถลงเป็นนโยบายของรัฐบาลซึ่งต้องการแก้ไขปัญหาของประชาชนอยู่แล้ว
 
ขปส. ขอยืนยันว่าได้พยายามสร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาร่วมกับรัฐบาลมาโดยตลอด โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้า ไม่มีประเด็นใดแอบแฝงทั้งสิ้น จึงขอให้นายกรัฐมนตรีได้มาเป็นประธานในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาสำเร็จลุล่วง และเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยต่อไป
 
ที่มาข่าว ประชาธรรม
 
 
ศาลให้ประกัน 'ก่อแก้ว' เชื่อสำนึกผิดจริง
 
ศาลอาญา รัชดา มีคำสั่ง ให้ประกันตัว นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จำเลยที่ 5 ในคดีร่วมกันก่อการร้าย ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว หลังถูกเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวเนื่องจากมีพฤติการณ์ข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อันเป็นการผิดเงื่อนไขปล่อยชั่วคราวในคดี
 
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยเบิกความยืนยันหนักแน่นว่า สำนึกในความผิดที่กระทำการละเมิดอำนาจศาล ศาลเห็นว่าจำเลยถูกเพิกถอนการประกันตัว และถูกคุมขังมาเป็นเวลาถึง 31 วัน ซึ่งจำเลยมีท่าทีนุ่มนวลและอ่อนลงอย่างมาก แสดงให้เห็นว่า จำเลยสำนึกในความผิดจริง กรณีมีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยได้ โดยตีราคาประกัน 6 แสนบาท ทั้งนี้ ศาลได้กำหนดเงื่อนไข การปล่อยชั่วคราวจำเลยไว้ คือ ห้ามกระทำการดูหมิ่นผู้อื่น ห้ามยั่วยุปลุกปั่น ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ยกเว้นจะได้รับอนุญาตจากศาล และห้ามขึ้นเวทีปราศรัย หรือ ให้สัมภาษณ์พาดพิง คนอื่นให้ได้รับความเสียหายตามที่ จำเลยได้แถลงยืนยันต่อศาลไว้.
 
ที่มาข่าว ไทยรัฐ
 
 
ร่วมกู้ชาติปัตตานีเจอคุก 12 ปี จับตาผลสะเทือนคดี "มูฮาหมัดอัณวัร"
 
นายมูฮาหมัดอัณวัร หรือที่เพื่อนพ้องน้องพี่รู้จักกันในนาม "มูฮาหมัดอัณวา" หรือบางคนเรียกสั้นๆ ว่า "อัณวา" ตกเป็นจำเลยในคดีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร และศาลฎีกามีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 12 ปี
 
ที่น่าสนใจก็คือสถานะก่อนแปรเปลี่ยนเป็นนักโทษของเขา คือคนทำงานสื่อทางเลือกและงานภาคประชาสังคมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีผู้คนรู้จักเขาจำนวนไม่น้อย
 
คดีของ มูฮาหมัดอัณวัร สืบเนื่องจากคดีฆ่าตัดคอ ด.ต.สัมพันธ์ อ้นยะลา ตำรวจ สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ก.ค.2548 จากนั้นจึงมีการแกะรอยจากหลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือของ ด.ต.สัมพันธ์ ที่หายไป ทำให้พบว่านักเรียนของโรงเรียนปอเนาะที่อยู่ใกล้ๆ กับจุดเกิดเหตุนั่นเองเป็นคนนำไปใช้ เจ้าหน้าที่จึงตามไปปิดล้อมตรวจค้นโรงเรียน 2 แห่ง พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาได้ 7 คน ทั้ง 7 คนนี้ให้การซัดทอดไปยังกลุ่มของนายมูฮาหมัดอัณวัร
 
แต่คำซัดทอดไม่ได้ซัดว่าเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าตำรวจ แต่ซัดทอดว่าทั้งกลุ่มของผู้ต้องสงสัยเองและกลุ่มของนายมูฮาหมัดอัณวัร ล้วนถูกชักชวนให้เข้าเป็นสมาชิกขบวนการกู้ชาติปัตตานี หรือขบวนการบีอาร์เอ็น ตั้งแต่ปี 2546 มีการฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย ฝึกจิตใจให้กล้าหาญ รวมทั้งฝึกยุทธวิธีการสู้รบและการใช้อาวุธ
 
ก่อนถูกศาลฎีกาพิพากษา เขายังเป็นนักกิจกรรมเพื่อสังคมในนาม BungaTehTarik&Coffee (บุหงาชาชักและกาแฟ) ด้วยการขายชาชักแล้วคืนกำไรให้กับเด็กกำพร้าในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยหักค่ากาแฟเข้ากองทุนแก้วละ 1 บาท
 
ยิ่งเมื่อคดีมาอ่านคำพิพากษาเอาในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงการ "พูดคุยสันติภาพ" มีการยื่นเงื่อนไขจากแกนนำบีอาร์เอ็นให้ปลดหมายจับ ปล่อยนักโทษคดีความมั่นคง ซึ่งโดนใจคนบางกลุ่มในพื้นที่ อีกทั้งการพูดคุยสันติภาพอย่างเป็นทางการ 2 ครั้งที่ผ่านมาก็มีข่าวว่าฝ่ายบีอาร์เอ็นบรรยายความอยุติธรรมที่ได้รับจากรัฐไทยในอดีต จึงเป็นเหตุให้ต้องหันมาใช้วิธีต่อสู้ด้วยความรุนแรง ยิ่งทำให้กระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคดีนี้ยิ่งแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวาง ถึงขั้นมีการตั้งกลุ่ม "เพื่อนอัณวา" ขึ้นในเฟซบุ๊ค
 
ที่มาข่าว สำนักอิศรา
 
 
สภาทนายฯ ฟ้องศูนย์รับบุตรบุญธรรมใส่เกียร์ว่าง 'เด็กไร้สัญชาติ'
 
 9 พฤษภาคม 2556 นายชาติชาย อมรเลิศวัฒนา อนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ ยื่นฟ้องผู้อำนวยการศูนย์รับบุตรบุญธรรม และอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ต่อศาลปกครองกลาง ในกรณีละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า ทำให้ไม่สามารถรับเด็กไร้สัญชาติเป็นบุตรบุญธรรมได้ ทั้งที่ยื่นคำขอไปนานกว่า 1 ปี 5 เดือน
 
นายชาติชาย ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีแทนเปิดเผยว่าทางอนุกรรมการฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายภาณุพันธ์ บำรุงการ ที่ขอรับนายเขตไท เด็กไร้สัญชาติ บุตรแรงงานข้ามชาติที่เกิดในประเทศไทย เป็นบุตรบุญธรรม โดยได้ยื่นคำร้องพร้อมเอกสารหลักฐานทั้งหมดต่อศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมไปตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2554 เป็นเวลานานกว่า 1 ปี 5 เดือน แต่ทางศูนย์ฯ ไม่ดำเนินการใดๆ ด้วยเหตุที่นายเขตไท เป็นเด็กไร้สัญชาติ ซึ่งหากพิจารณาตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ข้อ 21(1) บัญญัติว่า “รัฐภาคีซึ่งยอมรับและ/หรือยอมให้มีระบบการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมจะประกันว่าประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญที่สุด ประกอบกับพระราชบัญญัติการขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ.2522 มาตรา 20 ก็ยืนยันไว้ว่า “ผู้ใดประสงค์จะขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมให้ยื่นคำขอพร้อมกับหนังสือแสดงความยินยอมของบุคคลผู้มีอำนาจให้ความยินยอมในการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมาย ดังนั้นเมื่อผู้ขอรับเป็นบุตรบุญธรรมได้ยื่นคำร้องพร้อมเอกสารตามที่กฎหมายกำหนดครบถ้วนแล้ว ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมมีหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง มิใช่ทิ้งเรื่องไว้เฉยๆ
 
ที่มาข่าว ประชาไท