รอบอาทิตย์แรก เดือนก.ค.56: หนุ่ม เรดนนท์ อดีตผู้ต้องขังคดีอาญามาตรา 112 ได้รับอิสรภาพแล้ว

รอบอาทิตย์แรก เดือนก.ค.56: หนุ่ม เรดนนท์ อดีตผู้ต้องขังคดีอาญามาตรา 112 ได้รับอิสรภาพแล้ว

เมื่อ 6 ก.ค. 2556
"หนุ่ม เรดนนท์" อดีตผู้ต้องขังคดีอาญามาตรา 112 ได้รับอิสรภาพแล้ว ท่ามกลางผู้มาให้กำลังใจ
นายธันย์ฐวุฒิ หรือ หนุ่ม เรดนนท์ อดีตผู้ต้องขังคดีอาญามาตรา 112 ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และได้รับการปล่อยตัวในช่วงเย็นวันที่ 5 กรกฎาคม แล้ว ท่ามกลางการต้อนรับ จากผู้มาให้กำลังใจ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ที่มา : มติชน
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ 5
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 5 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินตามประกาศลงวันที่ 9 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 และประกาศครั้งสุดท้ายลงวันที่ 2 เมษายนพุทธศักราช 2556 นั้น บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่าสมควรปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 และมาตรา 183 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
 
1.ให้รัฐมนตรีดังต่อไปนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม นายสันติ พร้อมพัฒน์รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมช.คมนาคมนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์รมว.แรงงาน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายชลน่าน ศรีแก้ว รมช.สาธารณสุข นายฐานิสร์ เทียนทองรมช.อุตสาหกรรม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
 
2.ให้แต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรมว.กลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นรมช.กลาโหม นางเบญจา หลุยเจริญ เป็นรมช.คลัง นางปวีณา หงสกุล เป็นรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายวราเทพ รัตนากร เป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์อีกตำแหน่งหนึ่ง นายพ้อง ชีวานันท์ เป็นรมช.คมนาคม นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี เป็นรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายยรรยง พวงราช เป็นรมช.พาณิชย์ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ เป็นรมช.มหาดไทย นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นรมว.ยุติธรรม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรมว.แรงงาน นายพีรพันธุ์ พาลุสุข เป็นรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นรมว.ศึกษาธิการ นายสรวงศ์ เทียนทอง เป็นรมช.สาธารณสุข
 
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 มิถุนายน พุทธศักราช 2556 เป็นปีที่ 68 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีทำเนียบคึกคักถ่ายรูปครม.ใหม่
อ่านเพิ่มเติม: ข่าวสด
 
แม่เกด จี้ดีเอสไอเอาผิดคนฆ่าปชช.
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของน.ส.กมนเกด อัคฮาด 1 ใน 6 พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 กล่าวถึงความคืบหน้าคดี 6 ศพ ว่า ขณะนี้ศาลได้ดําเนินการไต่สวนพยานครบหมดทุกปากแล้ว และทราบว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ศาลก็จะนัดอ่านคําสั่งคดี ส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็ต้องว่าไปตามพยานหลักฐานตนยอมรับได้ และมั่นใจว่าศาลท่านจะให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวตน ทั้งนี้ เหตุการณ์ในวันที่ลูกสาวถูกยิงตายนั้นมีพยานต่างยืนยันว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ที่ประจําการอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ยิงใส่กลุ่มพยาบาลไม่ใช่ฝีมือชายชุดดํา ซึ่งก็คงต้องรอฟังคําสั่งจากศาลและผลจะออกมาอย่างไรตนก็จะยังคงเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตทั้ง 99 ศพนี้ตลอดไป 
 
นางพะเยาว์กล่าวต่อว่า บ่ายวันที่ 19 ก.ค. ตนพร้อมญาติผู้เสียชีวิตนัดรวมตัวไปยื่นหนังสือถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้ดําเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ซึ่งเคยนั่งเป็นกรรมการศูนย์อํานวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในขณะนั้นทั้งหมด ฐานร่วมกันออกคําสั่งฆ่าและพยายามฆ่าประชาชนในปีž53 โดยนายธาริตจะมายกผลประโยชน์ให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ต้องดําเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา เท่าเทียมกันทั้งฝ่ายคนออกคําสั่งและฝ่ายปฏิบัติคือทหารก็ต้องถูกดําเนินคดีทั้งหมด รวมทั้งตัวนายธาริตเองก็เป็นกรรมการ ศอฉ.ก็ต้องโดนด้วย  
ที่มา : ข่าวสด
 
รมว.ยุติธรรม เล็งสร้างคุกใหม่ 27 แห่ง วงเงินงบประมาณ 2.7 หมื่นล้าน
วันที่ 5 ก.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม กล่าวภายหลังรับทราบข้อมูลจากผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ว่ากระทรวงยุติธรรมจะเน้นให้ความสำคัญในหลายประเด็น โดยประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ การแก้ปัญหานักโทษล้นคุก โดยปัจจุบันมีผู้ต้องขังเพิ่มมากขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 2,300 คน  จากจำนวนนักโทษเดิมที่มีอยู่กว่า 233,252  คน เกินจำนวนที่เรือนจำต่างๆทั่งประเทศจะรองรับได้ 
 
นายชัยเกษม เผยว่า คาดว่าในปี  2557 จะมีนักโทษเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 คน ขณะที่สัดส่วนเจ้าหน้าที่ที่ต้องดูแลผู้ต้องขังอยู่ที่ 1ต่อ50 ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่สหประชาชาติกำหนดไว้ที่ 1ต่อ5 ดังนั้นจึงต้องมีการปรับปรับปรุงแก้ไขระบบการลงโทษและระบบการบริหารเรือนจำเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการใช้มาตรการไม่คุมตัว (Non-custodial Measures) และใช้มาตรการลงโทษที่เหมาะสมเฉพาะราย(Intermediate Sanctions )เพื่อให้มีทางเลือกในการลงโทษมากขึ้น รวมทั้งการพัฒนางานยุติธรรมทางเลือกเพื่อเบี่ยงเบนคดีออกจากระบบ และพัฒนามาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา( Pre-bargainning) เพื่อไม่ต้องส่งคดีต่ออัยการฟ้องศาล  หรือการนำระบบการยอมความมาใช้ในคดีเล็กๆน้อยๆ และการนำมาตรการชะลอการฟ้อง( Suspension of Prosecution) ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว
 
นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะมีการพัฒนาการบริหารเรือนจำแบบใหม่เพื่อให้การควบคุมมีประสิทธิภาพและมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ด้วยการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ เพื่อนำมาขยายเรือนจำ ซึ่งที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ได้จะมีสถานที่ก่อสร้าง และแบบแปลนพร้อมสำหรับการก่อสร้างแล้ว แต่ไม่มีงบประมาณ โดยกรมราชทัณฑ์มีความต้องการสร้างเรือนจำใหม่ 27แห่งทั่วประเทศ แต่ที่ผ่านมางบประมาณที่มีอยู่สามารถสร้างได้ปีละ 1 แห่งเท่านั้น กว่าจะสร้างครบต้องรอถึง 27 ปี โดยต้องใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท หากสร้างทั้งหมดพร้อมกันต้องให้งบมากกว่า 27,000 ล้านบาท 
 
“ทั้งนี้ก็ได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้หลายแนวทาง เช่น การขายหุ้นกู้หรือพันธบัตรให้กับประชาชน แล้วนำมาสร้างศูนย์ราชการในลักษณะเดียวกับที่บริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ สร้างศูนย์ราชการให้หน่วยราชการมาเช่าใช้ หรือให้เอกชนเป็นผู้สร้างเรือนจำ แล้วกรมราชทัณฑ์เข้าไปขอเช้าใช้พื้นที่  และการย้ายเรือนจำที่อยู่ในย่านธุรกิจแลกพื้นที่เพื่อนำทรัพย์สินไปสร้างคุกใหม่ เช่น กรณีย้ายเรือนจำกลุ่มลาดยาว ออกจากตัวเมือง ซึ่งต้องหารือกับกระทรวงการคลัง และรัฐบาล ที่ผ่านมาก็เคยหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังแล้ว ว่าติดขัดหรือมีปัญหาใดบ้าง โดยเฉพาะการย้ายกลุ่มเรือนจำลาดยาว  เพราะการควบคุมนักโทษจะต้องอยู่ในขอบเขตของอำนาจศาลแต่ละจังหวัด อีกทั้งผู้ขังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีมีเป็นจำนวนมาก” รมว.ยุติธรรม กล่าว
 
นายชัยเกษม กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆอย่างเป็นรูปธรรม และหากจะทำก็ต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา โดยต้องหารือเรื่องข้อกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ด้วย
ที่มา : ข่าวสด
 
ปากมูนนั่งรถไฟเข้ากทม.เเล้ว
กรณีสถานีรถไฟวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ตัดโบกี้รถไฟของพี่น้องสมัชชาคนจนเขื่อนปากมูน ที่เตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูน ทิ้งไว้ที่สถานีรถไฟโดยไม่ได้รับการชี้แจงใดๆ นั้น 
 
นายไพจิตร ศิลารักษ์ ผู้ประสานงานกรณีปัญหาเขื่อนปากมูน กล่าวว่า ชาวบ้านปากมูนประมาณ 70 คน ที่เดินทางมายังกทม. แต่เมื่อมาถึงกลับได้รับแจ้งจากสถานีว่า ไม่มีโบกี้รถไฟว่าง ขณะที่ชาวบ้านเห็นว่าขบวนรถไฟมีที่ว่างเหลืออยู่จำนวนมาก จึงขึ้นไปนั่งในคันที่ 4 พอขึ้นไปก็มีผู้โดยสารอื่นๆ ตามขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลารถออกสถานีได้ย้ายผู้โดยสารคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ให้ไปอยู่โบกี้คันข้างหน้าจนหมด และเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. รถไฟออกจากสถานี โดยคันที่มีชาวปากมูนโดยสารนั้นถูกตัดทิ้งไว้ที่ชานชาลา พร้อมโบกี้เปล่าอีก 3 คัน แล้วถูกลากไปเก็บไว้ในโรงซ่อมของสถานี สร้างความงุนงงแก่ชาวบ้านปากมูนเป็นอย่างมาก เมื่อสอบถามไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย ก็ไม่มีคำอธิบายเช่นกัน ทำให้ชาวบ้านต้องปักหลักพักอาศัยบนโบกี้รถไฟ 1 คืนเพื่อรอโดยสารรถเข้ากทม.
 
ต่อมา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ก.ค. โบกี้ที่มีชาวบ้านปากมูนอยู่นั้นได้ถูกต่อพ่วงกับขบวนรถไฟที่มุ่งหน้าเข้ากทม. และเคลื่อนออกจากสถานีรถไฟวารินชำราบแล้วในเวลา 09.00 น. 
 
ขณะที่สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาให้แก่พี่น้องปากมูนอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีและบันทึกข้อตกลงที่ได้ลงนามไว้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของพี่น้องปากมูนเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพตามแนวทางประชาธิปไตย รัฐและหน่วยงานของรัฐต้องอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องปากมูน การปิดกั้นใดๆ จะถือว่าเป็นการขัดขวางมิให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิเสรีภาพอันพึงมีพึงได้ตามรัฐธรรมนูญ
ที่มา : ข่าวสด
 
หน้ากากขาว "V for Thailand" ยุติการชุมนุมในกทม. ชั่วคราว - “ม็อบสนามหลวง” ปัดครอบงำ 
วันที่ 3 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กกลุ่ม V For Thailand ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารสำคัญของกลุ่ม "หน้ากากขาว" ที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีสมาชิกในเฟซบุ๊กกว่าแสนราย โพสต์รูปภาพและข้อความประกาศยุติการทำกิจกรรมในกรุงเทพฯ ชั่วคราว โดยมีเนื้อหา ระบุว่า  " แถลงการณ์  พักกิจกรรม เพื่อให้เป็นการกลับไปทบทวนบทบาทของทุกกลุ่มที่กำลังดำเนินการโค่น อำนาจเผด็จการ และคอร์รัปชั่นว่า แนวทางของท่าน ใช่แนวทางที่เราชาว V ต้องการหรือไม่
 
"V For Thailand ขอประกาศพักกิจกรรม ในกรุงเทพมหานครแล้ว V จะกลับมาเปิดกิจกรรมใน Season ต่อไป เมื่อทุกกลุ่ม ทุกท่าน พร้อมที่จะดำเนินการในวิถีแห่งความเป็น V = We = พวกเรา = ประชาชน ที่ไม่ใช่คนของใคร แต่เป็นคนที่จะทำหน้าที่เพื่อประเทศไทย"
 
ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ก "V For Thailand" โพสต์ข้อความชี้แจงถึงการใช้หน้ากากขาวเป็นสัญลักษณ์ว่า.. "เราต้องนิรนาม เพราะไม่ต้องการชื่อเสียง เราหวังเพียงการเปลี่ยนแปลง ขอเพียงประชาชนมั่นคงอุดมการณ์ ต่อสู้เผด็จการรัฐสภาจอมคอร์รัปชั่น เราก็ยินดีครับ การเคลื่อนไหวอย่างนิรนามนั้นสำคัญ เครื่องหมายหน้ากากขาวมีไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความเท่าเทียมกันของประชาชน ไม่มีสีไม่มีกลุ่มไม่มีแกนนำ ประชาชนทุกคนต้องพร้อมจะเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน ผู้ใดมิได้เคลื่อนไหวตรงข้ามความเป็นนิรนามและนำไปใช้ในวัตถุประสงค์แอบแฝง ก็ให้ประชาชนพิจารณาด้วยปัญญาตนเองครับ พลังที่บริสุทธิ์ต้องเกิดจากปัญญาของประชาชน"
 
ในการชุมนุมล่าสุดในกทม. เฟซบุ๊ก V For Thailand รวมทั้งสมาชิกหน้ากากขาวบางกลุ่มแสดงความไม่เห็นด้วยที่จู่ๆ มีคนบางกลุ่มสวมรอยเข้ามาทำหน้าที่เป็นแกนนำ และฉวยโอกาสปราศรัยด้วยคำหยาบคาย
 
อย่างไรก็ตาม สำหรับกิจกรรมในต่างจังหวัด หน้าเฟซบุ๊กของกลุ่ม V For Thailand ยังคงเคลื่อนไหวนัดแนะและขอให้สื่อท้องถิ่นช่วยประชาสัมพันธ์กิจกรรมให้ด้วย
 
เวลา 13.30 น. วันที่ 3 ก.ค. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยรักชาติ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มหน้ากากขาว ประกาศยุติการชุมนุมชั่วคราว เนื่องจากเกิดการแย่งชิงมวลชน ว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มหน้ากากขาว แต่เห็นด้วยในกิจกรรม เพราะเป็นการแสดงความในใจในการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นวิธีที่มีความเหมาะสมของกลุ่มพลังเงียบที่ไม่อยากเป็นเครื่องมือ ไม่อยากสังกัดกลุ่มใด หรือเป็นอิสระชน แต่ปัยหาที่เกิดขึ้นมีการอยากแสดงความเป็นเจ้าของ ตนเห็นว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะกระแสข่าวที่ออกมา ไม่น่าจะเป็นผลดีกับกลุ่มหน้ากากขาว จึงอยากให้ผู้รับผิดชอบกับการเคลื่อนไหว มาตระหนักและจัดการปัยหาที่เกิดขึ้นให้ผ่นไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะประกาศให้ชัดเจนว่ามีจุดยืนตรงนี้ โดยไม่อ้างอิงกับกลุ่มใด หากพบว่าจะมีการครอบงำ ขอให้เลิกสิ่งเหล่านี้
 
นายไชยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกระแสข่าวว่ากลุ่มสนามหลวง แย่งชิงมวลชนกลุ่มหน้ากากขาวนั้น ตนไม่ทราบข้อมูลจริงๆ เพราะไม่เคยไปเข้าร่วมด้วย แต่อาจมีเจตนาของกลุ่มธรรมาธิปไตย ที่ชุมนุมที่สนามหลวง เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องการครอบงำ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการพูดเกินเลยไปหรือไม่ ทั้งนี้จุดยืนของกลุ่มสนามหลวง ยังสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาว อยากให้มีการเคลื่อนไหวเชิงปริมาณในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย ถึงแม้รูปแบบของทั้งสองกลุ่มแตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายปฏิเสธนักการเมืองเช่นเดียวกัน ตนจึงแปลกใจว่าข่าวการเข้าไปครอบงำกลุ่มหน้ากากขาวเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะจะเป็นเรื่องผิดตั้งแต่มีแนวคิดแล้ว
 
“สองกลุ่มมีเป้าหมายเดียวกัน แต่ไม่ได้นัดหมาย จากนี้จะรอจจังหวะเวลาพร้อมของทุกฝ่าย เพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านโดยสันติวิธี ตามสิทธิมาตร 69 ในรัฐธรรมนูญ ส่วนการเคลื่อนไหวจะเดินทางไปยังรัฐสภาหรือไม่ กลุ่มสนามหลวงจะมีการหารือกันอีกครั้ง”นายไชยวัฒน์ กล่าว
ที่มา : ข่าวสด
 
หน้ากากขาวกลับลำประกาศนัดชุมนุม14ก.ค.
เมื่อเวลา 12.00น. วันที่ 4 ก.ค. เพจเฟซบุ๊กของกลุ่มหน้ากากขาวในนาม “V For Thailand” ได้ประกาศนัดชุมนุมทางการเมืองในวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค.ที่เวลา 15.00น. ณ ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 สวนลุมพีนี หลังจากก่อนหน้านี้ได้ประกาศยกเลิกกิจกรรมการเคลื่อนไหวในทุกวันอาทิตย์เป็นการชั่วคราว
 
“นัดรวมพลชาวVกรุงเทพมหานคร ยุทธการ เมล็ดพันธุ์แห่งผู้กล้า หยั่งรากไปทั่วปฐพี วันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค.2556 เวลา 15.00น. ณ ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6” คำประกาศล่าสุดที่ออกมา
 
ทั้งนี้นับตั้งแต่ผู้ดูแลแฟนเพจ“V For Thailand”ได้ประกาศยุติการเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในเชิงคัดค้านกับการยุติการชุมนุมชั่วคราวเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ดูแลแฟนเพจต้องออกประกาศชี้แจงหลายครั้งในทำนองว่าเพื่อต้องการให้ทุกฝ่ายกลับไปทบทวนบทบาทตัวเอง ภายหลังเริ่มมีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มเข้ามาฉวยโอกาสชิงมวลชนหน้ากากขาว
 
กสท.ปิ๊งถ่ายทอดสดประมูลทีวีดิจิตอล
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) และประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) เปิดเผยว่า กสท.มีแนวทางจะถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีในการประมูลทีวีดิจิตอลช่องบริการธุรกิจจำนวน 24 ช่อง ซึ่งกำหนดไว้ในเดือนก.ย.-ต.ค.นี้ เพื่อให้ประชาชนได้เห็นถึงกระบวนการประมูลที่โปร่งใสและเป็นธรรมทุกภาค ตลอดจนต้องการจะให้ทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการประมูลครั้งนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประมูลทีวีดิจิตอลครั้งแรกของโลก
 
สำหรับรูปแบบการประมูลกำหนดไว้เป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง โดยกำหนดขั้นการเพิ่มราคาคล้ายๆ อี-ออกชั่น แต่มีการกำหนดขั้นการเพิ่มราคาเสนอราคาแบบกระโดด ส่วนระยะเวลาการประมูลจะแบ่งเป็น 4 วัน ตามประเภทช่องรายการที่ประกอบด้วย ช่องรายการทั่วไปประเภทช่องคมชัดสูง (ไฮเดฟิเนชั่น), ช่องรายการทั่วไป, ช่องรายการข่าว และช่องรายการเด็กและครอบครัว 
 
พ.อ.นทีกล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าขณะนี้ทาง กสท.ได้วางรูปแบบการประมูลทีวีดิจิตอลไว้ทั้งหมดแล้ว เหลือแต่ขั้นตอนสุดท้ายการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในร่างประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ พ.ศ. ... รวมทั้งจะรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องจนถึงวันที่ 10 ก.ค.นี้ หลังจากนั้นจะนำร่างเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ กสท. และเข้าสู่ที่ประชุม กสทช.เพื่อเห็นชอบต่อไป พร้อมประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการเดือนก.ค.นี้ 
ที่มา : ข่าวสด
 
เล็งแก้กม.ช่วยลูกหนี้โดนเอาเปรียบ 
วันที่ 1 ก.ค. นายประวิช รัตนเพียร ผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับกระทรวงยุติธรรม กรมบังคับคดี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนักวิชาการด้านกฎหมาย เมื่อเร็วๆ นี้ ได้พิจารณากำหนดแนวทางให้มีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อลดภาระของประชาชน สืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนว่าปัจจุบันธนาคารพาณิชย์จัดให้มีธุรกรรมด้านการเงินกับประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะการกู้เงินที่ต้องนำหลักทรัพย์ประเภทบ้านและที่ดินมาจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ นอกจากนี้ธนาคารยังสามารถปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ โดยเฉพาะผู้กู้ที่ผิดนัดทำให้ภาระหนี้สูงขึ้น และบังคับจำนองโดยการนำทรัพย์จำนองขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ ซึ่งธนาคารก็ไม่ได้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ ปล่อยให้ดอกเบี้ยทบต้นขึ้นเรื่อยๆ จึงเห็นว่าไม่เป็นธรรมต่อลูกหนี้
 
นายประวิชกล่าวว่า การพิจารณากำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำข้อสรุปเสนอต่อ ธปท. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปรับปรุงข้อกฎหมาย ดังนี้ 1.สัญญาข้อกำหนด มาตรา 733 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งมาตรา 733 สามารถบังคับเอาทรัพย์สินอื่นๆ ของลูกหนี้เพื่อให้ครอบคลุมหนี้ในส่วนที่ค้างอยู่ หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระก็อาจถูกฟ้องล้มละลาย 2.กรอบระยะเวลาการบังคับคดี 10 ปี ตามมาตรา 271 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ และ 3.การกำหนดดอกเบี้ยกรณีลูกหนี้ผิดนัด ควรกำหนดอัตราใดจึงเหมาะสม ให้ความเป็นธรรมและลดความเสียเปรียบของลูกหนี้ 
ที่มา: ข่าวสด
 
จี้สธ.แก้ระเบียบตรวจเอดส์เด็ก
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานแถลงข่าว 1 ก.ค. วันรณรงค์ตรวจเอชไอวีแห่งชาติ หรือ VCT DayŽ ทั้งนี้ก่อนแถลงข่าวแกนนำเยาวชนสุขภาวะวัยรุ่นกรุงเทพฯร่วมกับองค์การแพธ นำโดย น.ส.พรนุช สถาผลสวัสดิ์ องค์การแพธ เข้ายื่นหนังสือขอให้รมว.สธ.สนับสนุนให้เยาวชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ได้รับการตรวจเลือดโดยไม่ต้องให้ผู้ปกครองเซ็นยินยอม โดยน.ส.พรนุชกล่าวว่า จากข้อมูลสถานการณ์ด้านเอชไอวี/เอดส์ในปัจจุบัน พบว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 12,000 ราย และเยาวชนเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพราะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เมื่อติดเชื้อจะไม่รู้ตัว เนื่องจากไม่เคยตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวี
 
นพ.ประดิษฐกล่าวว่า ปัจจุบันระเบียบดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของแพทยสภา ซึ่งล่าสุดแพทยสภาได้ทำหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฏีกาว่ามีอำนาจในการปรับเปลี่ยนอายุที่สามารถตรวจหาเชื้อเอชไอวีได้หรือไม่ เนื่องจากการปรับอายุเพื่อตรวจเชื้อเอชไอวีให้น้อยลง โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตผู้ปกครอง สุ่มเสี่ยงเกิดปัญหาการฟ้องร้องแพทย์ได้ 
 
ด้าน น.อ.(พิเศษ) นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า การออกระเบียบโดยแพทยสภาทำได้ทันที ซึ่งยินดีสนับสนุนแนวทางที่ทำให้เกิดความปลอดภัยกับเด็กและเยาวชน แต่การออกระเบียบของแพทยสภายังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องผลักดันให้มีกฎหมายที่คุ้มครองผู้ให้บริการด้วย เพราะลำพังเฉพาะระเบียบของแพทยสภาจะคุ้มครองแพทย์และผู้ให้บริการทางการแพทย์เฉพาะเรื่องจริยธรรมเท่านั้น ไม่สามารถคุ้มครองในเรื่องการฟ้องทางแพ่งและอาญาได้ ต้องให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งดูแลกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเด็กเดินหน้าออกกฎหมายไปพร้อมๆ กันด้วย
ที่มา : ข่าวสด
 
สธ.โต้ฟ้องภาพเตือนซองบุหรี่
เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่โรงแรมเดอะสุโกศล นายจิรวัฒน์ อยู่สะบาย คณะทำงานด้านกฎหมายเพื่อต่อสู้คดีการฟ้องร้องโดยธุรกิจยาสูบ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในการแถลงข่าว ?ฟ้องกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เพิ่มขนาดคำเตือนบนซองบุหรี่" ว่า หลังจาก สธ.ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ให้เพิ่มขนาดคำเตือนบนซองบุหรี่จากร้อยละ 55 เป็นร้อยละ 85 ของพื้นที่ซอง โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 2 ต.ค. ส่งผลให้บริษัท เจแปน โทแบคโก บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส สหรัฐอเมริกา และสมาคมการค้ายาสูบไทย ยื่นฟ้อง สธ.ต่อศาลปกครอง 2 ประเด็น คือ 1.ขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อคุ้มครองชั่วคราวกรณีให้ประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ต.ค. โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถดำเนินการซื้อเครื่องจักรได้ทัน 2.ขอให้ศาลปกครองเพิกถอนประกาศดังกล่าว โดยอ้างว่า สธ.ทำเกินอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายแม่บทกำหนด
 
นายจิรวัฒน์กล่าวอีกว่า การออกประกาศดังกล่าวอยู่บนพื้นฐาน พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 มาตรา 12 ที่กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกประกาศรายละเอียดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขได้ ส่วนที่กล่าวหาว่าไม่เป็นไปตามรูปแบบและขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 57 วรรค 2 เนื่องจาก สธ.ไม่ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย โดยข้อเท็จจริงตามกฎหมายกำหนดว่าการรับฟังความคิดเห็นจะต้องเป็นโครงการของรัฐเท่านั้น
 
ด้าน ผศ.ลักขณา เติมศิริกุลชัย หัวหน้าภาควิชาสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากผลสำรวจการบริโภคยาสูบทั้งผู้สูบและไม่สูบ อายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 20,000 กว่าคน เมื่อปี 2554 พบว่า ผู้สูบบุหรี่ร้อยละ 94.6 เห็นภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ ร้อยละ 71.4 เห็นภาพบนซองแล้วนึกถึงอันตราย ร้อยละ 62.6 เห็นแล้วอยากเลิกสูบบุหรี่ และร้อยละ 80.3 เห็นแล้วเคยพยายามอยากเลิกสูบบุหรี่ ส่วนผู้ไม่สูบร้อยละ 98.2 เห็นภาพแล้วไม่คิดที่จะเริ่มสูบบุหรี่ แต่ถึงแม้ประเทศไทยจะกำหนดให้มีภาพคำเตือนขนาดร้อยละ 55 ของพื้นที่ซอง แต่จากการศึกษาวิจัยพบว่าประสิทธิภาพในการเตือนลดลง เนื่องจากใช้มานานและไม่เปลี่ยนรูปภาพใหม่ สธ.จึงออกประกาศให้เปลี่ยนรูปภาพใหม่ทั้งหมดและเพิ่มขนาดเป็นร้อยละ 85
ที่มา : ข่าวสด
 
"ศาลปค."ลงพื้นที่สอบแม่เมาะ
วันที่ 4 ก.ค. นายประพจน์ คล้ายสุวรรณ ตุลาการศาลปกครองเชียงใหม่ เจ้าของคดี พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม และคณะลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่จริง กรณีชาวบ้าน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ประกอบด้วย นายสหยศ ตรวจขยัน พร้อมพวก 9 คน ยื่นฟ้องกฟผ.แม่เมาะ กรณีปล่อยสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และปล่อยน้ำเสียจากการทำเหมือง และการผลิตกระแสไฟฟ้าลงสู่อ่างเก็บน้ำสถานีแม่เมาะ และนายชัชวาลย์ ชื่นสมบัติ พร้อมพวก 5 คน ยื่นฟ้อง กฟผ.แม่เมาะ ให้ระงับการระเบิดหินในพื้นที่ที่ได้รับประทานบัตร ซึ่งอยู่ใกล้กับถ้ำผาช้าง และถ้ำผาตูบ ต.นาสัก เนื่องจากอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพสีโบราณบนผนังถ้ำ 
 
นายประพจน์กล่าวว่า ตุลาการศาลปกครองเชียงใหม่ พร้อมคณะได้เข้ารับฟังการชี้แจง ข้อซักถามจากตัวแทน กฟผ.แม่เมาะ ที่อาคารของธนาคารหมู่บ้านรักษ์แม่เมาะ บ.เมาะสถานี ม.4 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ โดยมีกลุ่มชาวบ้านแม่เมาะมารวมตัวกันเพื่อรับฟังการชี้แจงด้วยจำนวนมาก โดยหลังจากนั้น คณะตุลาการศาลฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่ระเบิดเหมือง และเดินเท้าขึ้นเขาไปตรวจสอบถ้ำผาช้าง และถ้ำผาตูบ เพื่อตรวจพิสูจน์ความสมบูรณ์ของถ้ำ และภาพวาดโบราณดังกล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะตุลาการศาลฯ ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่กำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ซึ่งเป็นบริเวณหวงห้าม โดยศาลอนุญาตให้เฉพาะผู้ฟ้อง และตัวแทนผู้ถูกฟ้องเข้าร่วมตรวจสอบเพียง 10 คนเท่านั้น ก่อนจะกลับมาที่ตึกขาว อาคารกฟผ.แม่เมาะ เพื่อสรุป และตอบข้อซักถามทั้งหมด โดยห้ามไม่ให้บันทึกภาพ และบันทึกเสียงใดๆ ทั้งสิ้น โดยหลังจากตอบข้อซักถามทั้งหมด คณะตุลาการศาลฯ จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบบริเวณที่ชาวบ้านระบุว่ามีการปล่อยน้ำเสียลงอ่างเก็บน้ำสาธารณะต่อไป
ที่มา : ข่าวสด
 
เปลี่ยนชาวนาทำไร่อ้อย
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ประมาณกลางเดือนก.ค. 2556 กระทรวงเกษตรฯ จะร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อสร้างความร่วมมือในการกำหนดเขตเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช (โซนนิ่ง) สร้างความสมดุลในการค้าและการผลิต โดยจะหารือกับผู้ประกอบการอาหารเพื่อสำรวจความต้องการ เพื่อการเพาะปลูกพืช ป้อนอุตสาหกรรมอาหารเหล่านั้น เบื้องต้นมีพืช 3 ชนิดที่จะใช้พื้นที่ในการปรับเปลี่ยนคือ ข้าว ข้าวโพด และปาล์มน้ำมัน แต่ทั้งหมดต้องมีตลาดรองรับ 
 
ขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ มีการประกาศพื้นที่เหมาะสมในพืช 13 ชนิด ปศุสัตว์ 5 ชนิด และประมง 2 ชนิด ซึ่งอยู่ระหว่างการทำความเข้าใจกับเกษตรกรในพื้นที่โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลการดำเนินงานที่ชัดเจนภายในปี 2556 ทั้งนี้ การหารือ กับเอกชนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพืชเกษตร อาทิ ในอนาคต อ้อยมีความต้องการอย่างมาก ส่วนปาล์มน้ำมันมีความต้องการประมาณ 2 ล้านไร่/ปี ก็ต้องมีการจัดการพื้นที่ปลูก
 
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรฯ กล่าวว่า ภายในเร็วๆ นี้จะทำโซนนิ่งในพื้นที่นำร่อง จ.กำแพงเพชร โดยการเปลี่ยนการปลูกข้าวมาปลูกอ้อยแทน ในพื้นที่ 5 หมื่นไร่ จากพื้นที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าวจากการสำรวจของกระทรวงเกษตรฯ มีทั้งหมด 2 แสนไร่ แต่ปัญหาคือเงินในการเปลี่ยนอาชีพ เกษตรกรอาจไม่มี ดังนั้น ในเบื้องต้นรัฐบาลอาจช่วยเหลือ 50% ของต้นทุนการผลิต ส่วนอีก 50% โรงงานจะให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
 
เครือข่ายชาวพุทธฯยื่นสถานทูตเยอรมัน ยกเลิกโชว์พระนอนหงาย-หยุดย่ำยีพุทธ
เวลา 10.00 น. วันที่ 2 ก.ค. นพ.พรชัย พิญญพงษ์ ประธานองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก นำเครือข่ายชาวพุทธและเยาวชน กว่า 300 คน ยื่นหนังสือคัดค้านการแสดงศิลปะ “พระนอนหงาย” ในเมืองมิวนิค ณ สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย เพื่อแสดงพลังอย่างสันติให้หยุดย่ำยีศรัทธาชาวพุทธ
 
ด้านนพ.พรชัย เปิดเผยว่า องค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ได้รับการร้องเรียนจากชาวพุทธทั้งในและต่างประเทศว่า ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี มีการนำพระพุทธรูปไปล้มไว้ในลักษณะหงายหน้าขึ้นไว้กลางตลาดเก่า Viktualienmarkt โดยอ้างว่าเป็นการจัดแสดงทางศิลปะของนาย Hans-Georg Ku"ppers หัวหน้ากรมวัฒนธรรมของมิวนิก ซึ่งจัดแสดงพระพุทธรูปล้มหงายหน้าแบบนี้ไปจนถึงเดือนกันยายนนี้
 
ดังนั้น องค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกพร้อมด้วยเครือข่ายชาวพุทธและเยาวชน กว่า 300 คน จึงออกมาเรียกร้องให้ทางสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ดำเนินการประสานงานกับกรมวัฒนธรรมของเยอรมนี ให้หยุดการกระทำดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นการแสดงศิลปะที่ไม่มีความรู้ทางพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ซึ่งสร้างความไม่สบายใจและกังวลต่อชาวพุทธ รวมถึงองค์กรชาวพุทธทั่วโลก เพราะเป็นการนำรูปเคารพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาจัดแสดงอย่างไม่ให้ความเคารพ ถือเป็นการย่ำยีน้ำใจชาวพุทธเป็นอย่างมาก
 
ด้านสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกมารับหนังสือและจะดำเนินการประสานไปยังกรมวัฒนธรรมของเยอรมนีอย่างไรก็ตามหากทางกรมวัฒนธรรมของเยอรมนีไม่ดำเนินตามที่เครือข่ายชาวพุทธเรียกร้องก็จะยกระดับการชุมนุมต่อไป 
ที่มา : ข่าวสด
 
อียิปต์ปะทะอีก กองทัพยิงฝ่ายสนับสนุนอดีตปธน.มอร์ซี ดับ 3 รวมตายแล้ว 26 เจ็บกว่า 300 
วันที่ 6 ก.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประชาชน 12 ราย เสียชีวิตจากการปะทะกันในเมืองอเล็กซานเดรีย อียิปต์ ขณะที่ในกรุงไคโร มีประชาชนเสียชีวิต 3 ราย เนื่องจากเกิดการปะทะกันระหว่างผู้สนับสนุน และผู้ที่ต่อต้านการบริหารของนายโมฮาเม็ด มอร์ซี อดีตประธานาธิบดีอียิปต์ ที่เพิ่งถูกโค่นจากอำนาจ ตามรายงานเล่าว่า ความรุนแรงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ฝ่ายสนับสนุนนายโมฮาเม็ด มอร์ซี ออกมาประท้วง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้าปราบปราม ทำให้มีนักเคลื่อนไหวเสียชีวิต 3 ราย 
 
อย่างไรก็ตาม กองกำลังทหารสามารถรักษาความสงบในกรุงไคโรได้แล้ว โดยการประท้วงครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 26 ราย และบาดเจ็บอีก 318 ราย
ที่มา : ข่าวสด
 
สื่อแฉ ฝรั่งเศสก็สอดแนมข้อมูลขนานใหญ่เหมือนสหรัฐฯ
หนังสือพิมพ์ในประเทศฝรั่งเศสออกมาแฉว่า หน่วยข่าวกรองของประเทศ ก็สอดแนมข้อมูลโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์อย่างขนานใหญ่ เช่นเดียวกันสหรัฐฯ ที่ถูกเปิดโปงก่อนหน้านี้
 
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 5 ก.ค. ว่า 'เลอ มองเดอ' หนังสือพิมพ์รายวันของประเทศฝรั่งเศส ออกมาแฉว่า หน่วยข่าวกรองต่างประเทศของฝรั่งเศส แอบดำเนินการดักเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ขนานใหญ่ ในลักษณะคล้ายคลึงกับโปรแกรม 'ปริซึม' สำหรับสอดแนมข้อมูลโทรศัพท์และอีเมล์ของสหรัฐฯ ซึ่งถูกนายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอออกมาเปิดโปงก่อนหน้านี้
 
รายงานของ เลอ มองเดอ กล่าวหา กรมความมั่นคงภายนอก (ดีจีเอสอี) หน่วยงานภายใต้กระทรวงกลาโหมของฝรั่งเศส ว่า แอบสอดแนมข้อมูล 'เมตาดาตา' หรือข้อมูลที่อธิบายข้อมูลอีกที ไม่ใช่เนื้อหาของอีเมล์หรือบทสนทนาทางโทรศัพท์ เช่นข้อมูลที่บอกว่าใครพูดกับใคร ที่ใดและเมื่อไร การเชื่อมต่อระหว่างฝรั่งเศสกับประเทศอื่นๆทั้งหมดก็ถูกตรวจสอบ
 
หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสเผยด้วยว่า ข้อมูลทั้งหมดที่สอดแนมมาได้ ถูกเก็บรวบรวมไว้ในซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ในชั้นใต้ดิน 3 ชั้นของสำนักงาน ดีจีเอสอี เลอ มองเดอ ยังรายงานอ้างผู้สันทัศน์กรณีซึ่งระบุว่า ปฏิบัติการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อดักจับการโทรศัพท์ของผู้ก่อการร้าย แต่ขอบเขตของมันทำให้สามารถสอดแนมทุกคนได้ทุกเวลา
 
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการสอดแนมของ ดีจีเอสอี กระทำในขอบเขตกว้างเท่าโปรแกรมปริซึมของสหรัฐฯหรือไม่ แต่ เลอ มองเดอระบุว่า ปฏิบัติการนี้อยู่นอกเหนือกฎหมาย และเกินขอบเขตอำนาจการตรวจตราอย่างเหมาะสม
 
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศที่วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯอย่างรุนแรง หลังจากเรื่องโปรแกรมปริซึมถูกเปิดเผยออกมา แต่พวกเขายังไม่ออกมาแสดงความเห็นใดๆเกี่ยวกับรายงานของ เลอ มองเดอ.