ผู้ต้องหา : เจ้าหน้าที่เรียกว่า "ขอนแก่นโมเดล"
รอบแรก 23 พฤษภาคม 2557 เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 22 คน มีชาย 21 คน และหญิง 1 คน
รอบสอง 27 พฤษภาคม 2557 เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหา 2 คน จากการโทรศัพท์เรียกให้มารายงานตัว ชาย 1 คนและหญิง 1 คน
(ก่อนหน้านี้ทหารโทรศัพท์เรียกตัวมาคุยที่ค่ายทหาร 2 ครั้ง และครั้งที่3ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 จึงควบคุมตัวไว้เลย)
รวมเป็นสำนวนเดียวกันทั้งหมด 24 คน ผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 55 ปี-70 ปี
ภูมิหลังผู้ต้องหา : ปฏิบัติการ "ขอนแก่นโมเดล" เป็นชื่อที่เจ้าหน้าที่รัฐเรียกคนกลุ่มนี้เนื่องจากเชื่อว่า ผู้ต้องหาตระเตรียมการโดยสะสมกำลังพล อาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สินเพื่อดำเนินการตามแผนการ เพื่อสร้างความปั่นป่วนเพื่อให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชนและเพื่อก่อการร้าย
ผู้ต้องหากลุ่มนี้มาจากหลายกลุ่มในจังหวัดแถบภาคอีสาน เช่น นครราชสีมา กาฬสิน มุกดาหาร ขอนแก่น (เท่าที่ทราบ) โดยบางคนเป็นกลุ่มเสื้อแดง, กลุ่มกองกำลังอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.), กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), กลุ่มแดงทั้งแผ่นดิน, กลุ่มแกนนำกองทัพปราบกบฏ
ซึ่งทุกคนล้วนเป็นมวลชนเสื้อแดง(ผู้ที่ชื่นชอบนโยบาย หรือ นักการเมืองเสื้อแดง) แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแกนนำ
การกระทำที่ถูกกล่าวหา : ผู้ต้องหากลุ่มนี้เปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นเพื่อประชุม
เจ้าหน้าที่จึงคาดว่าจะต้องมีปฏิบัติการไม่ชอบมาพากลบางอย่าง เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์เมื่อปี 2553 ที่คนเสื้อแดงถูกปราบปรามจากเวทีราชประสงค์และถอยกลับมาอยู่ในที่ตั้ง จากนั้นได้ลุกฮือไปเผาสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ของภาคอีสาน อย่าง มุกดาหาร อุบลราชธานี ขอนแก่น และ อุดรธานี จึงเกรงว่า การที่กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ได้สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงที่ถนนอักษะ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จะทำให้แกนนำกลุ่มนี้กลับมาปฏิบัติการซ้ำรอยปี 2553 อีก
พฤติการณ์การจับกุม :
23 พฤษภาคม 2557 เจ้าหน้าที่ทหารได้ทราบถึงแผนการดังกล่าว (ขอนแก่นโมเดล) จึงเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหารายหนึ่ง ได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสาขาตะวันออกเฉียงเหนือพร้อมกับของกลาง เป็นกระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 81 นัด กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 41 นัด กระสุนปืนลูกซองจำนวน 16 นัด และสิ่งของอื่นอีกจำนวนมาก
จากการขยายผลทราบว่าผู้ต้องหามีการประชุมวางแผนกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดขอนแก่น จึงเข้าไปตรวจสอบพบผู้ต้องหาอีก 21 คน อยู่ที่โรงแรม จึงเข้าควบคุมตัวไว้และได้เข้าตรวจค้นรถยนต์ของผู้ต้องหาที่จอดอยู่บริเวณโรงแรมพบของกลางทั้งหมดดังนี้
- ยึดระเบิดขว้างได้จำนวน 2 ลูก ระเบิดควันจำนวน 1 ลูก พร้อมสิ่งของอื่นในรถยนต์ของผู้ต้องหารายหนึ่ง
- ยึด ขวานได้ 1 เล่ม พร้อมสิ่งของอื่นในรถยนต์ของผู้ต้องหารายหนึ่ง
- ยึดเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 161 นัด กระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 73 นัด มือถืออีก 2 เครื่อง อาวุธพกขนาด 9 มม. 1 กระบอก ซองกระสุน 1 ซอง กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 8 นัด พร้อมสิ่งของอื่นในรถยนต์ของผู้ต้องหารายหนึ่ง
- ยึดระเบิดขว้าง 1 ลูก พร้อมสิ่งของอื่นในรถยนต์ของผู้ต้องหารายหนึ่ง
- ยึดแก๊ส 1 ถัง เสื้อเกราะอ่อน 1 ตัว มีดสปาต้า 1 เล่ม ในรถยนต์ของผู้ต้องหารายหนึ่ง
และพบสิ่งของอื่นอยู่ภายในรถยนต์คันอื่นอีกหลายรายการ ตามที่แนบไว้ในบัญชีของกลาง (ไม่มีบัญชีของกลาง)
(อ้างอิงจากคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวน ส.ภ.ขอนแก่น)
ข้อหา : ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 7/2557 ห้ามมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดใด ที่มีจำนวน ตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป, มีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, มีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มียุทธภัณฑ์(เสื้อกระสุน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และสมคบกันเพื่อก่อการร้ายหรือกระทำความผิดใดใด อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย และ ซ่องโจร
• ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/2 (2), 210, 371
• พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 7, 8 ทวิ วรรค1 , 72 วรรค 1, 72ทวิ วรรค 2, 38, 74, 55, 78
• พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 6, 23
• พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 มาตรา 15 วรรค 1 ,42
• และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 7/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ,ประกาศฉบับที่ 37/2557 และ ประกาศฉบับที่ 38/2557 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2557, ประกาศฉบับที่ 50/2557 ลงวันที่ 30พฤษภาคม 2557
ความเคลื่อนไหว :
23 พฤษภาคม 2557 เวลาประมาณ 14.00 - 17.30 น. ทหารได้อาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457
มาตรา 8 และ มาตรา 9 ได้ร่วมกันตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 22 คน ควบคุมตัวพร้อมของกลางพามาไว้ที่ค่ายสีหราชเดโชไชย เป็นเวลา 7 วัน
27 พฤษภาคม 2557 ผู้ต้องหา 2 คน เข้ามารายงานตัวที่ค่ายสีหราชเดโชไชยตามคำสั่งเรียก ทหารจึงควบคุมตัวไว้สืบเนื่องจากการขยายผลคดีของผู้ต้องหาที่ถูกจับก่อนหน้านี้ เป็นเวลา 2 วัน
29 พฤษภาคม 2557 ทหารส่งผู้ต้องหาทั้งหมด 24 คน (ชาย 22 คน หญิง 2 คน) มาที่ สถานีตำรวจภูธร (ส.ภ.) เมืองขอนแก่นเวลาประมาณ 13.00 น. เพื่อตั้งข้อหา
31 พฤษภาคม 2557 พนักงานสอบสวนสถานีภูธร(ส.ภ.)เมืองขอนแก่นยื่นคำร้องขอฝากขัง ผลัดแรก (วันที่ 31 พฤษภาคม 2557 - 11 มิถุนายน 2557 ) ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 23 โดยคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว หรือ การประกันตัว เนื่องจากเห็นว่าเป็นความผิดอาญาร้ายแรง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือจะไปยุ่งกับพยานหลักฐานหรือจะก่อเหตุร้ายประการอื่น
ผลัดที่สองตั้งแต่ 12 มิถุนายน 2557 - 23 มิถุนายน 2557
ผลัดที่สามตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2557 - 5 กรกฎาคม 2557
ผลัดที่สี่ตั้งแต่ 6 กรกฎาคม 2557 - 17 กรกฎาคม 2557
ผลัดที่ห้าตั้งแต่ 18 กรกฎาคม 2557 - 29 กรกฎาคม 2557
(*ผู้ต้องหาแต่ละคนไม่ได้แต่งตั้งทนายความคนเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันบางคนยังไม่มีทนายเข้ามาดูแล
แต่ในเบื้องต้นศาลไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหารายใดได้รับการประกันตัว)
ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวฯ โดยให้เหตุผลว่า พฤติการณ์แห่งคดีและความผิดที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อหามีอัตราโทษสูง เกิดขึ้นในระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึก ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เกรงว่าผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรืออาจก่อเหตุประการอื่น
โดยมีญาติของผู้ต้องหา ทนายความ กับผู้ที่เกี่ยวข้องทยอยเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง
ผลกระทบอื่นๆ : ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบด้านรายได้เพราะว่าเป็นหัวหน้าครอบครัว บางคนต้องหยุดงานข้าราชการมีผลต่อตำแหน่งหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และบางคนมีปัญหาด้านสุขภาพเนื่องจากทั้งหมดไม่ได้รับการประกันตัว