NLA weekly (28 พ.ย. - 4 ธ.ค.58): หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 รื้อ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ

NLA weekly (28 พ.ย. - 4 ธ.ค.58): หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 รื้อ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ

เมื่อ 6 ธ.ค. 2558
30 พฤศจิกายน 2558
 
“มีชัย” เผย การเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ ส.ส. เป็นอำนาจศาล
 
มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เรียบร้อยแล้ว โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 1. การสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จะเป็นอำนาจของศาล 2. ถ้าเกิดกรณีที่มีการยุบพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญ ผู้บริหารจะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่ใช่สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
 
มีชัยกล่าวว่า การถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง จะมีผลให้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ได้ แต่มีเวลาจำกัด เช่น 5 ปี แต่การเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จะสมัครไม่ได้ตลอดชีวิต แต่มีสิทธิไปลงคะแนนได้
 
 
1 ธันวาคม 2558
 
ครม.ไฟเขียวกฎหมายคุมอาหารเด็ก ห้ามโฆษณา หวั่นกระทบผู้ประกอบการ
 
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวผลประชุมครม. ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับเด็กทารกและเด็กเล็ก ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ เนื่องจาก พ.ร.บ.อาหาร ฉบับปี พ.ศ. 2522 ในปัจจุบันนั้นควบคุมอาหารทุกประเภท แต่ไม่ได้เน้นอาหารสำหรับเด็กทารกและเด็กเล็ก จึงทำให้คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีข้อจำกัดในการเข้าไปตรวจตราการดำเนินการ
 
นอกจากนี้ พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ครอบคลุมในเรื่องการโฆษณา เพราะกำหนดไว้เพียงห้ามโฆษณาเกินจริง ซึ่งปัจจุบันยังมีการโฆษณาซึ่งขัดกับหลักการขององค์การอนามัยโลกและยูนิเซฟ ซึ่งจัดตั้งองค์กรสถาบันนานาชาติที่ว่าด้วยเรื่องการตลาดสำหรับนมและอาหารทารกและเด็กเล็ก โดยองค์การดังกล่าวกำหนดไว้ว่าห้ามไม่ให้มีการโฆษณาเลย ฉะนั้น ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับเด็กทารกและเด็กเล็ก ดังกล่าวจึงมีสาระสำคัญคือการห้ามโฆษณา และตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดูแล แต่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า จะกระทบต่อผู้ประกอบการ
 
 
2 ธันวาคม 2558
 
กรธ.ห้าม ส.ส.-ส.ว.ใช้ตำแหน่งหาประโยชน์เข้าตัว
 
อมร วานิชวิวัฒน์ โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาร่างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญในหมวดที่เกี่ยวข้องกับรัฐสภา  โดยกำหนดหลักการไม่ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ใช้สถานะหรือตำแหน่งไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง รวมทั้งกำหนดหลักการในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาและกำหนดหลักการเกี่ยวกับการใช้ข้อบังคับการประชุมร่วมกันของรัฐสภา พร้อมยืนยันว่า  กรธ. ยังคงกำหนดหลักการการทำหน้าที่ของรัฐสภาอยู่ในรูปแบบเดิม โดยไม่ไปก้าวก่ายอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา ขณะที่ในส่วนของการกำหนดหลักการเกี่ยวกับการเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ  ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กรธ. 
 
 
สปท.เสนอปฏิรูปองค์กรทนายความและตำรวจ 6 ด้าน
 
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โฆษกคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม แถลงข่าวถึงประเด็นสำคัญที่ต้องปฏิรูปอย่างเร่งด่วน  โดยเสนอให้ปฏิรูปกิจการตำรวจ 6 ด้าน ได้แก่ การบริหารงานบุคคลให้ปราศจากการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง  ปฏิรูปงานสอบสวน  ปฏิรูปการแต่งตั้งโยกย้ายโดยยึดระบบคุณธรรม ป้องกันการซื้อขายตำแหน่ง  การสร้างความมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกิจการตำรวจ  การถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของตำรวจไปให้หน่วยงานอื่น  และปฏิรูปงานนิติวิทยาศาสตร์  ส่วนการปฏิรูปองค์กรทนายความ เน้นในเรื่องของทนายความอาสา และทนายขอแรง ที่ต้องทำให้มีคุณภาพและมีคุณสมบัติที่เหมาะสม  รวมถึงมีการอบรม ประเมินผล  และปรับปรุงค่าตอบแทนของทนายความให้เหมาะสม   
 
ขณะที่การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวมาใช้แทนการคุมขัง ในคดีบางประเภทนั้น  ควรนำมาใช้กับผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ปล่อยชั่วคราว เพื่อป้องกันการหลบหนี ขณะเดียวกันก็เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ ศาล ใช้ดุลยพินิจปล่อยตัวชั่วคราวได้มากขึ้น แก้ปัญหาการถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี 
 
 
3 ธันวาคม 2558
 
สนช.ผ่านร่าง พ.ร.บ.ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จัดตั้งสถาบันวิจัยชั้นสูง
 
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ.... ด้วยคะแนนเสียง 149 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี และงดออกเสียง 4 เสียง จากผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 153 คน ประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นกฎหมาย สำหรับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จัดตั้งขึ้น เพื่อให้เป็นสถาบันการวิจัยและวิชาการชั้นสูง จัดการศึกษาทางวิชาการและวิชาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม การแพทย์ และการสาธารณสุขชั้นนำของภูมิภาค
 
 
สนช.เผย หลังปีใหม่ ประเด็นแก้ รธน.ทำประชามติ ชัด
 
สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวถึงการประชุมแม่น้ำ 3 สายที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ ว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการทำงานตามโรดแมปของรัฐบาล เพื่อจะลดขั้นตอนการทำงานให้กระชับ และสอดคล้องกัน ให้เป็นรูปธรรมและประชาชนสัมผัสได้ โดยให้นำเรื่องที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ศึกษาเสร็จสิ้นแล้วมาดำเนินการต่อ และไม่จำเป็นต้องอภิปรายซ้ำอีก
 
สุรชัย ยังกล่าวถึงการแนวทางการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ กรณีหากประชามติไม่ผ่าน  โดยคาดว่า ช่วงหลังปีใหม่ ครม.และ คสช. จะส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เรื่องการทำประชามติมายัง สนช. ซึ่งเชื่อว่าจะมีความชัดเจนในประเด็นดังกล่าวอย่างแน่นอน
 
 
กรธ. เผย ที่มา ส.ว.จาก 20 กลุ่มสังคม 3 ระดับ พร้อมลดขั้นตอนกรองกฎหมายของ ส.ว.เหลือ 2 วาระ ขณะที่ ครม.ขอแก้ กม.องค์กรอิสระฝ่ายเดียวไม่ได้
 
อุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงว่า ที่ประชุมกรธ.ได้พิจารณากระบวนการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แบบทางอ้อม เบื้องต้นเห็นตรงกันว่าจะกำหนดกลุ่มทางสังคมจำนวน 20 กลุ่ม แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นกลุ่มใดบ้าง ซึ่งมีข้อเสนอว่าจะดำเนินการเป็นระดับคือ 1.ระดับอำเภอ 2.ระดับจังหวัด และ 3.ระดับประเทศ โดยการเลือกส.ว.จะเริ่มการเลือกกันในอำเภอต่างๆ เมื่อได้รายชื่อมาแล้วจะมาเลือกกันในระดับจังหวัด ก่อนส่งรายชื่อเข้าส่วนกลางและให้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกมาทำการเลือกกันเอง ทั้งนี้ขั้นตอนของการเลือกกันเองมีความคิดกันว่าควรมีมาตรการไม่ให้เกิดการฮั้วกันของผู้สมัคร โดยอาจจะให้ผู้สมัครไม่สามารถเลือกบุคคลที่อยู่ในกลุ่มสังคมเดียวกัน
 
อุดมกล่าวต่อว่านอกจากนี้ ได้กำหนดหลักการเพื่อทำให้การพิจารณาร่างกฎหมายในกระบวนการของวุฒิสภามีความรวดเร็วขึ้น คือ  ไม่ให้วุฒิสภาแปรญัตติเกินกว่าหลักการที่สภาผู้แทนราษฎรได้เสนอไว้ หลักการนี้จะช่วยให้การพิจารณาของวุฒิสภาจากเดิมที่พิจารณา 3 วาระ คือ วาระรับหลักการ แปรญัตติ และลงมติ  เหลือเพียง 2 วาระเท่านั้นคือ การพิจารณาเป็นรายมาตราภายหลังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว และ การลงมติให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ หากวุฒิสภาไม่เห็นชอบเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรสามารถปฏิเสธและส่งคืนสภาผู้แทนราษฎรได้
 
อุดม กล่าวอีกว่า ส่วนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับองค์กรตามรัฐธรรมนูญต่างๆ กรธ.เห็นว่าหากจะมีการดำเนินการแก้ไขกฎหมายขององค์กรใด ผู้เสนอร่างกฎหมายจะต้องเป็นคณะรัฐมนตรี(ครม.) ร่วมกับองค์กรตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวเท่านั้น  โดยครม.จะไม่สามารถเสนอร่างกฎหมายนั้นได้เพียงลำพัง เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงองค์กรอิสระ จากนั้นจะดำเนินการส่งให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ แต่เมื่อทั้งสองสภาพิจารณาเสร็จแล้ว องค์กรตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวจะต้องทำความเห็นว่ามีประเด็นใดในร่างกฎหมายบ้างที่อาจเป็นอุปสรรคในการทำงาน หากเห็นว่ามีปัญหาจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป แต่ถ้าไม่มีประเด็นปัญหาก็ไม่จำเป็นต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย
 
 
4 ธันวาคม 2558
 
หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 แก้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ
 
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตํารวจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดความเป็นธรรม หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มีคําสั่ง เช่น
 
 
ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา 32 เพื่อรักษาความเที่ยงธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตํารวจ ให้ ก.ตร. ออกกฎ ก.ตร. กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตํารวจไว้ให้ชัดเจนแน่นอน กฎ ก.ตร. ดังกล่าวให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป”
 
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในมาตรา 53 และมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 88/2557  และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
 
มาตรา 53 การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งตามมาตรา 44 (1) ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตํารวจที่ดํารงตําแหน่งจเรตํารวจแห่งชาติหรือรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ แล้วเสนอ ก.ต.ช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง