22 เมษายน 2559
คสช. ใช้มาตรา 44 ตั้ง 4 ผู้ว่าฯ ใหม่
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 20/2559 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารงตําแหน่ง ระบุว่า ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีคําสั่ง ที่ 12/2559 ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2559 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดย้ายหรือโอนไปสํานักนายกรัฐมนตรี ตามข้อ 1 แห่งคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2558
คำสั่งหัวหัวหน้า คสช. ที่ 20/2559 ที่อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มีดังต่อไปนี้
ให้ข้าราชการ 4 รายที่ขาดจากตําแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม เพื่อโอนไปสํานักนายกรัฐมนตรีตามข้อ 1 แห่งคําสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 12/2559 เรื่อง ได้แก่ (1) ยุทธนา วิริยะกิตติ (2) สมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ (3) สมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ (4) วีรพงศ์ แก้วสุวรรณ ดํารงตําแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ตามข้อ 1 วรรคสาม แห่งคําสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2558
นอกจากนี้ ให้ข้าราชการ 4 รายที่รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดในตําแหน่งที่ว่างลงเพราะ เหตุตามข้อ 1 ดํารงตําแหน่งดังต่อไปนี้
(1) ธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ดํารงตําแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ (2) เจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน ดํารงตําแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตาก (3) วิทูรัช ศรีนาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ดํารงตําแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี (4) นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ พ้นจากตําแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง และให้ดํารงตําแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี
25 เมษายน 2559
สปท. เตรียมเสนอตั้ง มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ 16 พ.ค.นี้
พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาสนา และจริยธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) พร้อมคณะ แถลงข่าวถึงความคืบหน้า เกี่ยวกับการบูรณาการสถาบันการพลศึกษาเป็นมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ทั้ง 17 แห่ง ให้เป็นมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ทั้ง 4 ภาคของประเทศ คือ ภาคเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่) ภาคกลาง (จังหวัดสุพรรณบุรี) ภาคใต้ (จังหวัดกระบี่) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จังหวัดอุดรธานี) แล้วพบว่า ทุกภาคส่วนเห็นด้วยแนวทางดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้ กมธ.จะนำข้อมูลทั้งหมดเสนอต่อที่ประชุม สปท. ในที่ 16 พฤษภาคม 2559 เพื่อพิจารณาต่อไป
ส่วนรายงานการจัดการพื้นที่มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ เพื่อเพิ่มคุณค่าและมูลค่าทางวัฒนธรรม ซึ่งที่ประชุม สปท.ได้มีมติเห็นชอบกับรายงานดังกล่าวนั้น ทาง กมธ.ได้มีการเสนอปรังปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 และพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 เพื่อขอให้กรมศิลปากรมีอำนาจในการเวนคืนพื้นที่โบราณสถาน เพื่อเข้าไปสร้างความสมบูรณ์ให้กับโบราณสถาน และให้กรมศิลปากรมีอำนาจตามกฎหมายในการที่จะบูรณะโบราณสถานที่เป็นของเอกชน รวมถึงหากเอกชนไม่มีงบประมาณในการบูรณะโบราณสถานก็สามารถเข้ามาร้องขอให้รัฐเข้าไปช่วยบูรณะโบราณสถานได้
26 เมษายน 2559
หัวหน้า คสช. ใช้มาตรา 44 ให้ ผบ.ตร. ตั้งตำรวจประจำปี 59
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 21/2559 เรื่องการปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2547 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เป็นผู้สั่งแต่งตั้งข้าราชการตํารวจตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 44/2558 เรื่องการแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตํารวจ ลงวันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2558 ตั้งแต่วันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ จนกว่าการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจในวาระการแต่งตั้งประจําปี พ.ศ.2559 จะแล้วเสร็จ ทั้งนี้การแต่งตั้งดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งที่ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดเป็นการเฉพาะไปพลางก่อน
ข้อ 2. คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
27 เมษายน 2559
กรธ.เตรียมทำแผ่นพับรัฐธรรมนูญแจก 17 ล้านครัวเรือน
ศุภชัย ยาวะประภาษ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า อนุกรรมการพิจารณาจัดทำเนื้อหาในการรณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญ เตรียมจัดทำแผ่นพับจำนวน 6 หน้ากระดาษเอ 5 ซึ่งจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับสาระสำคัญในร่างรัฐธรรมนูญ ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะจัดส่งให้กับเจ้าบ้าน จำนวน 17 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ โดยในวันที่ 29 เมษายนนี้ ทางกรธ.จะจัดส่งให้ กกต. เพื่อดำเนินการจัดพิมพ์
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กรธ.ได้รับการตอบรับจากศิลปินบางส่วนที่จะเข้ามาแต่งเพลงซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทาง กรธ.คาดหวังว่า บทเพลงดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนสนใจร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะไม่ใช่การชี้นำให้ประชาชนตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งต่อการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
28 เมษายน 2559
สนช.ผ่านวาระแรก พ.ร.บ.คอมฯ เพิ่มโทษหนักขึ้น
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์รับหลักการวาระแรกร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ด้วยคะแนน 160 ต่อ 0 โดยอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวรายงานว่า ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มี 19 มาตรา มีสาระสำคัญคือ การเพิ่มเติมฐานความผิดและกำหนดโทษแก่ผู้กระทำความผิดตามร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ให้หนักขึ้น อาทิ กรณีการส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเลคทรอนิคส์แก่ผู้อื่น โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับสามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการตอบรับได้ อันเป็นการก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้รับ ต้องระวางโทษไม่เกิน 2 แสนบาท หรือกรณีการนำเข้าสู่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือการเผยแพร่ ส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตลอดจนข้อมูลลักษณะลามก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
อุตตม กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีการตัดต่อภาพผู้อื่น อันทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท รวมถึงเพิ่มเติมโทษแก่ผู้ให้บริการคอมพิวเตอร์ที่ร่วมมือ ยินยอม หรือ รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความดูแลของตนเอง นอกจากนี้ กรณีความผิดตามร่างกฎหมายฉบับนี้ที่มีโทษปรับสถานเดียวหรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี ให้มีคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับจำนวน 3 คน ที่รัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง เมื่อได้ชำระค่าปรับแล้ว ให้ถือว่าคดีนั้น สิ้นสุดลง โดยไม่ต้องนำคดีไปศาล
สนช.เห็นชอบกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ป.ป.ง. 6 คน
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อ ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ประกอบมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542) โดยที่ประชุม สนช. ได้ลงคะแนนลับให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ป.ป.ง. ทั้ง 6 คน ดังนี้ 1.สุวัฒน์ เทพอารักษ์ 2.สังศิต พิริยะรังสรรค์ 3.อุดม รัฐอมฤต 4.ศาสตราจารย์ พลตำรวจตรี จักรพงษ์ วิวัฒน์วานิช 5.เฉลิมศักดิ์ จันทรทิมละ 6.สุทธิพล ทวีชัยการ
สปท. จับมือ สนช. หาอาสาสมัครแจงคำถามพ่วง
คำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ วิปสปท. แถลงภายหลังการประชุมว่า วิป สปท.จะแจ้งสมาชิก สปท. เพื่อหาอาสาสมัครเป็นตัวแทนของ สปท.เข้าร่วมกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.เพื่อร่วมเผยแพร่และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสาระสำคัญของประเด็นคำถามประชามติเพิ่มเติม ตามที่พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 กำหนดไว้ หลังจากได้รายชื่ออาสามัครของสปท.จะต้องส่งรายชื่อไปยังเลขานุการคณะกรรมการประสานงานระหว่างสนช.กับ สปท.หรือ วิป 2 ฝ่าย ภายในวันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 12.00 น. เพื่อให้จัดตั้งเป็นคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการของ สนช.ต่อไป
29 เมษายน 2559
กกต.ประกาศกฎทำประชามติ 6 ทำได้ 8 ทำไม่ได้
ธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต. แถลงผลประชุม กกต.ว่า กกต.มีมติให้ออกประกาศกกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการแสดงความคิดเห็นในการออกเสียงประชามติ จะมีผลเมื่อประกาศดังกล่าวลงราชกิจจานุษาแล้ว คาดว่าจะมีผลไม่เกินสัปดาห์หน้า มีข้อกำหนดสิ่งที่ประชาชนทำได้ 6 ข้อ คือ 1.ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นเพิ่มเติมให้เข้าใจอย่างครบถ้วนจากเว็บไซต์หรือสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลแสดงความคิดเห็นของตน 2.แสดงความเห็นโดยใช้ถ้อยคำที่สุภาพ 3.แสดงความเห็นด้วยข้อมูลที่มีความชัดเจน ไม่กำกวมทำให้บุคคลอื่นเห็นว่าบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง
4.การนำเสนอหรืออ้างอิงงานวิจัยตามหลักวิชาการเพื่อประกอบการแสดงความคิดเห็นให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงบุคคลนั้น ควรตรวจสอบความถูกต้องและแสดงที่มาของงานวิจัยนั้นด้วย 5.การสัมภาษณ์ผ่านสื่อ เพื่อแสดงความคิดเห็นพร้อมเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่งของตน และ 6.การนำเข้าข้อมูลความคิดเห็นพร้อมแสดงเหตุผลของตนในเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือการส่งต่อข้อมูลดังกล่าว โดยไม่มีการแสดงความเห็นเพิ่มเติม
ธนิศร์ กล่าวต่อว่าส่วนที่ทำไม่ได้ 8 ข้อ ได้แก่ 1.การสัมภาษณ์ผ่านสื่อ ด้วยข้อความเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ 2.การนำเข้าข้อมูล อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ปลุกระดมหรือข่มขู่ในเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือส่งต่อข้อมูลในลักษณะดังกล่าว 3.การทำหรือส่งสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมาย มีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ 4.การจัดเวทีสัมมนา อภิปราย โดยกลุ่มองค์กรต่างๆที่ไม่มีหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา องค์กรสื่อมวลชน ตามกฎหมายเข้าร่วมและมีเจตนาเพื่อปลุกระดมทางการเมือง
5.การชักชวนให้ใส่เสื้อ หรือติดป้าย เข็มกลัด ธง ริบบิ้น หรือเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์ความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือการขาย การแจกจ่ายสิ่งของดังกล่าว ในลักษณะรณรงค์ทั่วไปเพื่อนำไปสู่การปลุกระดมทางการเมือง 6.การใช้เอกสารใบปลิวหรือแผ่นพับ ที่มีข้อความเป็นเท็จ หรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย หรือปลุกระดมทางการเมือง 7.การรายงานข่าวหรือการจัดรายการของสื่อมวลชนที่นำไปสู่การปลุกระดมหรือสร้างความวุ่นวายในสังคม และ 8.การรณรงค์เพื่อให้เกิดการคล้อยตามของคนในสังคม เพื่อให้ออกเสียงอย่างไรอย่างหนึ่ง มีลักษณะการปลุกระดมหรือขัดขวางการออกเสียง
กกต.ประกาศผู้ใช้สิทธิออกเสียงนอกเขต เริ่มลงทะเบียน 1 พ.ค.นี้
สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการออกเสียงประชามติว่า ขณะนี้ กกต. ได้เตรียมความพร้อมงานในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง นับจากได้ประกาศกำหนดวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ในวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2559 โดยเปิดทำการลงคะแนนออกเสียงตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. และในวันที่ 1 พฤษภาคม 2559 จะเป็นวันแรกของการเปิดให้มีการลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัด
สำหรับผู้มีสิทธิที่อยู่นอกเขตออกเสียงที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตออกเสียงเป็นเวลาน้อยกว่า 90 วัน คือ เข้ามาอยู่หลังวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 ก็สามารถออกเสียงได้โดยต้องลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัด ซึ่งช่องทางการยื่นคำขอลงทะเบียนใช้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัด สามารถยื่นคำขอได้ 3 ช่องทาง คือ
1. ยื่นด้วยตนเอง สำหรับกรุงเทพมหานคร ยื่นคำขอได้ที่สำนักงานเขต และที่ต่างจังหวัดยื่นคำขอที่สำนักทะเบียนอำเภอหรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2559 – 7 กรกฎาคม 2559 ในวันและเวลาราชการ ทั้งนี้สามารถยื่นคำขอเป็นกลุ่มได้ โดยการมอบหมายผู้มีสิทธิอื่นยื่นแทน
2. ยื่นทางไปรษณีย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2559 – 30 มิถุนายน 2559 โดยถือวันประทับตราไปรษณีย์เป็นสำคัญ
3. ยื่นผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์ http://election.dopa.go.th ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2559 – 30 มิถุนายน 2559 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยระบบจะปิดอัตโนมัติในเวลา 24 นาฬิกาของวันที่ 30 มิถุนายน 2559
ดูเพิ่มเติมที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/A/037/2.PDF