แถลงการณ์องค์กรภาคประชาสังคม เรื่อง แสดงความกังวลต่อกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 77 กำหนดให้ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งเปิดผลการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์นั้นต่อประชาชน โดยต่อมาได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 กำหนดแนวทางให้หน่วยงานรัฐดำเนินการตราร่างพระราชบัญญัติตามหลักการที่รัฐธรรมนูญกำหนด ตลอดเกือบสามเดือนหลังรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ ข้อเท็จจริงพบว่าการดำเนินการของภาครัฐตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญเป็นเพียงการทำตามแบบฟอร์มตามมติคณะรัฐมนตรีและไม่สนใจกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โดยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำของการรับฟังความคิดเห็นไว้ว่า ให้หน่วยงานรัฐเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์อย่างน้อย 15 วัน ผลปรากฎว่าหน่วยรัฐจำนวนมากเร่งดำเนินการนำร่างพ.ร.บ.ของตนเองเปิดรับฟังความคิดเห็นด้วยหลักเกณฑ์ขั้นต่ำดังกล่าว โดยไม่สนใจว่าจะเป็นกระบวนการรับฟังความเห็นอย่างแท้จริงหรือไม่ หลักเกณฑ์ดังกล่าวส่งผลต่อประชาชน เช่น การเปิดรับฟังความคิดเห็นของร่างพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... ผ่านทางเว็บไซต์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีวิถีชีวิตร่วมกับพื้นที่ป่า แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบกลับไม่สามารถมีปากมีเสียงกับร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวได้ เนื่องจากขาดการรับฟังความเห็นก่อนกระบวนการร่างกฎหมาย โดยรัฐร่างกฎหมายอยู่ฝ่ายเดียว และนำมารับฟังความเห็นเมื่อร่างกฎหมายทั้งฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีระยะเวลาแสดงความคิดเห็นที่สั้น และช่องทางการแสดงความคิดเห็นที่แคบ หรือ ร่างพ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. .... ที่จะส่งผลผูกพันกับอนาคตของคนไทยทั้งประเทศไปอีก 20 ปี ซึ่งร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจำนวน 8 คน ผ่านช่องทางเว็บไซต์ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าการจัดรับฟังความคิดเห็นของภาครัฐเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น ประเด็นการรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเพียงประเด็นหนึ่งของมติคณะรัฐมนตรีที่สะท้อนถึงความไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลในกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบในการออกกฎหมาย รวมทั้งไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 ทั้งนี้ยังมีประเด็นอื่นอีก เช่น หน่วยงานไม่มีการสรุปเนื้อหาของร่างกฎหมายให้ประชาชนเข้าใจโดยง่าย ไม่บอกวัตถุประสงค์ในการยกร่างให้ชัด หรือการไม่มีหน่วยงานกลางในการดูแลควบคุมคุณภาพในการออกกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ เพื่อให้กระบวนการออกกฎหมายเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มีความโปร่งใส่ และให้ประชาชนมีอำนาจในการกำหนดชะตากรรมของตนเองมากขึ้น เครือข่ายภาคประชาชนจึงมีข้อเรียกร้องต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในสองแนวทาง ดังนี้ ในระยะสั้น 1. ในทุกขั้นตอนของกระบวนการร่างกฎหมายหน่วยงานรัฐ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการกฤษฎีกา ต้องเปิดเผยให้ประชาชนทราบว่าร่างกฎหมายที่อยู่ในการพิจารณาของตนเองมีอะไรบ้าง การดำเนินการเป็นอย่างไร หรือถ้ากำลังมีแนวคิดในการยกร่างกฎหมายฉบับใหม่ก็ต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบล่วงหน้า 2. ร่างกฎหมายที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ โดยไม่ได้ดำเนินการไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ให้ชะลอการร่างกฎหมาย และให้นำมาประเมินผลกระทบตามหลักการสากลและรับฟังผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียให้รอบด้านเสียก่อน 3. ร่างกฎหมายใหม่หลังจากนี้ในทุกลำดับชั้น รวมทั้งคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามม.44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) ที่ส่งผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ สิทธิเสรีภาพ สิ่งแวดล้อม สังคม และวัฒนธรรม ต้องผ่านการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 4. ให้รัฐบาลทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 ให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และมาตรฐานสากล ซึ่งองค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบในการออกกฎหมาย มีสถาบันวิชาการและนักวิชาการไทย ได้ศึกษาไว้เป็นตัวอย่างที่ดีในระดับหนึ่งแล้ว 5. หากไม่มีการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ภาคประชาชนอาจจะหาช่องทางในการใช้สิทธิทางศาลเพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดชะตาชีวิตของตนเองมากขึ้น ในระยะยาว 1. ให้สำนักงานคณะกฤษฎีกาเปิดเผย ร่างพ.ร.บ.กระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบในการออกฎหมาย ให้ประชาชนได้รับทราบถึงเนื้อหาของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ 2. ให้มีการเปิดพื้นที่และช่องทางที่หลากหลายเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการยกร่างกฎหมายและแสดงความคิดเห็นต่อร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ 3. ให้ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ วางอยู่บนหลักการทางวิชาการและข้อเท็จจริงทางสังคมที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน องค์กรภาคประสังคมตามรายชื่อแนบท้ายจึงข้อเรียกร้องต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการออกกฎหมายที่เกิดขึ้นลดการเกิดผลกระทบต่อประชาชน ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมได้แสดงความเห็นในร่างกฎหมายที่จะกระทบต่ออนาคตของตนเอง และให้การออกกฎหมายเป็นไปตามมาตรฐานสากล และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รายชื่อองค์กร มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ มูลนิธิพะเยาเพื่อการพัฒนา กลุ่มศึกษาตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน สมาคมผู้บริโภคสงขลา เครือข่ายหลักประกันสุขภาพภาคใต้ สมาคมคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคภาคตะวันออกและเครือข่ายศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพภาคตะวันออก องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ สมาคมผู้บริโภคร้อยเอ็ดและศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน มูลนิธิสืบนาคะเสถียร |