NLA Weekly (6 - 12 มกราคม 2561): สนช. คาดพิจารณากฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส. 25 ม.ค.นี้

NLA Weekly (6 - 12 มกราคม 2561): สนช. คาดพิจารณากฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส. 25 ม.ค.นี้

เมื่อ 14 ม.ค. 2561
สัปดาห์นี้ สนช. เห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.นโยบายการกีฬาแห่งชาติฯ เป็นกฎหมาย นอกจากนี้คาดว่าวันที่ 25 และ 26 มกราคม 2561 จะมีการพิจารณา ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ตามลำดับ 
 
ขณะที่สัปดาห์หน้า สนช. มีนัดพิจารณา ร่างพ.ร.บ.การกลับเป็นผู้ประกันตนฯ ในวาระที่หนึ่ง และร่างพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐฯ ในวาระที่สองและสาม นอกจากนี้จะมีการให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
 
9 มกราคม 2561
 
ที่ประชุม สนช. พิจารณาร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. 25-26 ม.ค.นี้
 
เจตน์ ศิรธรานนท์ และยุทธนา ทัพเจริญ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) แถลงข่าวว่า วิป สนช. ได้กำหนดวาระการประชุม สนช. ในเดือนมกราคม  โดยวันพฤหัสบดีที่ 18 และวันศุกร์ที่ 19 จะเป็นการพิจารณากฎหมายที่เสนอใหม่และกฎหมายที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 25 จะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. .... และวันศุกร์ที่ 26 จะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ....
 
 
กมธ.กม.ส.ส. เคาะคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อตามร่างเดิม แต่ปรับถ้อยคำชัดเจนมากขึ้น เหตุหวั่นขัดรธน.
 
เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เปิดเผยว่า ข้อท้วงติงที่มีการเสนอให้แก้ไขเกี่ยวกับเรื่องการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามมาตรา 129 นั้น กมธ.ได้พิจารณาโดยยืนยันให้ยึดตามร่างเดิม โดยเฉพาะเรื่องการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอมา เพื่อไม่ให้มีผลขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปี 2560 เพียงแต่มีการปรับถ้อยคำในมาตราดังกล่าวให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น แต่เนื้อหาหลักๆ ยังคงเดิม 
 
ที่มา: คมชัดลึก
 
10 มกราคม 2561
 
กมธ.แก้กฎหมายเลือกตั้งส.ส.ให้จัดมหรสพได้ ยกเหตุจูงใจให้คนฟังหาเสียง ตื่นตัวทางการเมือง
 
ทวีศักดิ์ สูทกวาทิน โฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพ.ร.ป.ดังกล่าวว่า อยู่ระหว่างการทบทวนเนื้อหารายมาตรา โดยภาพรวม กมธ.ไม่ได้ปรับแก้เนื้อหาตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอมาตามวาระที่ 1 มากนัก โดยประเด็นที่ กมธ.ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม อาทิ มาตรา 35 ที่ กมธ.เพิ่มเติมเนื้อหาให้มีการจำกัดสิทธิการสมัครเข้ารับราชการเป็นเวลา 2 ปี แก่ผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง คือ บุคคลใดไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจะถูกจำกัดสิทธิการไปสมัครรับราชการเป็นเวลา 2 ปี  อีกประเด็นที่ กมธ.แก้ไข คือ มาตรา 75 เรื่องข้อห้ามการหาเสียง ที่มีการตัดถ้อยความที่ กรธ.เสนอห้ามให้มีการแสดงมหรสพ งานรื่นเริง มาประกอบการหาเสียง ซึ่งกมธ.ได้แก้ไขหลักการของกรธ.ให้สามารถมีการแสดงมหรสพและงานรื่นเริง เพื่อใช้ประกอบการหาเสียงได้
 
เสรี สุวรรณภานนท์ กรรมาธิการวิสามัญ กล่าวว่า เหตุผลที่ กมธ.เห็นว่า ควรให้มีมหรสพ อาทิ การแสดงดนตรีรื่นเริง ลิเก เพื่อเป็นกลยุทธจูงใจให้ประชาชนมารับฟังการหาเสียงมากขึ้น ส่งเสริมให้คนตื่นตัวทางประชาธิปไตย หากเปิดเวทีหาเสียงอย่างเดียว โดยไม่มีการจูงใจเรื่องมหรสพจะมีประชาชนมาฟังนโยบายหาเสียงน้อย มีแต่เฉพาะคนที่สนใจการเมืองมาฟังเท่านั้น ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนการแสดงมหรสพจะถูกนำไปคิดรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งด้วย ส่วนข้อกังวลที่เป็นช่องทางให้ขนคนมาดูมหรสพเพื่อซื้อเสียงนั้น ขณะนี้เทคโนโลยีต่างๆ ก้าวหน้าไปมาก มีโทรศัพท์สามารถถ่ายคลิปการทุจริตซื้อเสียงได้ คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงทำผิด
 
ที่มา: คมชัดลึก
 
"วิษณุ"จ่อเแก้กม.ท้องถิ่นเข้าครม. 6 ฉบับพร้อมกัน เปิดทางเลือกตั้งท้องถิ่น
 
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขกฎหมายท้องถิ่น 6 ฉบับ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งความเห็นให้แก้ไขเพิ่มเติม 30 - 40 ประเด็น ว่า กกต. จะแจ้งผลการประชุม ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาให้รับทราบ จากนั้นคณะกรรมการกฤษฎีกาจะรวบรวมความเห็นแล้วเสนอเรื่องมาที่ตนพิจารณาเพื่อสั่งการว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหรือจะให้ทำอย่างไรต่อไป โดยแนวทางที่จะเสนอให้ครม.ปรับแก้กฎหมายนั้นจะเสนอเข้าไปพร้อมกันทั้ง 6 ฉบับ ไม่เช่นนั้นจะมองไม่เห็นภาพรวม ทั้งนี้การแก้ไขกฎหมายทั้ง 6 ฉบับ ทั้งในส่วนของคณะกรรมการกฤษฎีกาและของกกต. ครั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งท้องถิ่นได้เท่านั้น
 
ที่มา: คมชัดลึก
 
"วิษณุ"แจงกำหนดเงื่อนไข ม.44 กันขอใช้เรื่อยเปื่อย ย้ำเปลี่ยนเป็นพ.ร.บ.
 
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการกำหนดเงื่อนไข 4 ข้อการใช้มาตรา 44 ว่า ได้ชี้แจงเรื่องนี้ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากมีหน่วยงานต่าง ๆ หลายกระทรวง เสนอเพื่อขอให้ใช้คำสั่งมาตรา 44 จำนวนมาก หากไม่วางหลักเกณฑ์ไว้ จะทำให้ออกมาเยอะแยะมากเกินไป ดังนั้น เมื่อเราต้องการเก็บเอาไว้ออกในเรื่องสำคัญจริง ๆ จึงต้องมากำหนดและวางหลักเกณฑ์ว่าเรื่องไหนบ้างที่จะใช้มาตรา 44 และจะได้แจ้งให้ทุกกระทรวงได้รับทราบ ซึ่งจริง ๆ แล้วหลักเกณฑ์นี้ใช้กันมานานแล้ว 
 
นอกจากนี้วิษณุ กล่าวถึงแนวคิดที่จะเปลี่ยนคำสั่งคสช.เป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)  ว่ายังคงมีอยู่ ซึ่งหลายกระทรวงทำมาแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าสภาเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ คสช.เคยให้นโยบายไปแล้วว่า สุดท้ายแล้วต้องเปลี่ยนไปเป็น พ.ร.บ. หรือพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ก.) ส่วนการยกเลิกนั้น จะเป็นการยกเลิกโดยอัตโนมัติ หรือต้องออกกฎหมายยกเลิก แต่ถ้าคสช.ยังอยู่ สามารถออกคำสั่งมายกเลิกคำสั่งตัวเองได้ แต่เมื่อคสช.พ้นไป ต้องยกเลิกโดยพระราชบัญญัติ ยกเว้นว่าคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งในทางบริหาร เช่น การย้ายคน แบบนี้ ครม. มีมติได้ แต่ถ้าคำสั่งนั้นมีผลเป็นกฎหมายต้องออกเป็นพระราชบัญญัติ
 
ทั้งนี้เป็นไปได้เหมือนกันที่อาจจะออกพระราชบัญญัติกลางฉบับหนึ่งเพื่อยกเลิกคำสั่งคสช. ทีเดียวไปเลย ส่วนนี้เราได้มีการสำรวจไว้หมดแล้ว ทำบัญชีไว้หมดแล้วว่าอะไรที่เลิกอัตโนมัติ อะไรที่ออกคำสั่งคสช.มาเลิก อะไรที่อาศัยมติครม.เลิกได้ และอะไรที่ต้องออกพระราชบัญญัติมาเลิก ทุกครั้งที่มีการออกมาตรา 44 จะมีการคิดเผื่อล่วงหน้าไว้เสมอว่าสุดท้ายมันจะไปจบลงที่ตรงไหน ซึ่งมีจำนวนไม่เยอะ ประมาณสัก 50 คำสั่งได้
 
ที่มา: คมชัดลึก
 
11 มกราคม 2561
 
สนช.มีมติ 206 เสียง เห็นชอบประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.นโยบายการกีฬาแห่งชาติฯ เป็นกฎหมาย
 
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นสมควรประกาศให้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นโยบายการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ใช้เป็นกฎหมาย ด้วยคะแนนเสียง 206 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 6 เสียง จากผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 212 คน 
 
สำหรับร่างกฎหมายดังกล่าว ตราขึ้นเนื่องจากการกีฬาเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และขีดความสามารถของประชาชนในการพัฒนาประเทศ แต่ประเทศไทยยังขาดกลไกการพัฒนานโยบายพื้นฐาน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการกีฬาของประเทศให้ไปสู่ความเป็นเลิศและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และทันต่อการเปลี่ยนแปลง สมควรมีคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่จัดทำนโยบายและแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ รวมทั้งกำกับ ติดตาม และขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายและแผนนั้น อันจะเป็นผลให้การบริหารจัดการด้านการกีฬาเป็นระบบและมีเครือข่ายในการพัฒนาการกีฬาอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
 
 
ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการ กสทช. 7 ด้าน แล้วจำนวน 21 ราย
 
หลังมีการเปิดรับสมัครบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กรรมการ กสทช.) รวม 7 ด้าน ด้านละ 1 คน ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 และแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ซึ่งเปิดรับสมัครมาตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา 
 
นับจนถึงวานนี้ 10 มกราคม 2561 มีผู้มาสมัครแล้วรวมจำนวน 21 คน ประกอบด้วย 
 
ด้านกิจการกระจายเสียง จำนวน 1 คน คือ รศ.ดร.รังสรรค์ วงศ์สรรค์  
 
ด้านกิจการโทรทัศน์ 4 คน อาทิ  พล.ต.วิเศษศักดิ์ สุนทรเกส ผอ.ฝ่ายนโยบายและแผน ททบ.5, สุระ เกนทะนะศิล รอง กก.ผอ.อ.ส.ม.ท. 
 
ด้านกิจการโทรคมนาคม มีผู้สมัครแล้ว 1 คน คือ กิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ อดีต กก.ผจก.กสท.โทรคมนาคม 
 
ด้านวิศวกรรม 4 คน อาทิ วันชัย ผโลทัยถเกิง กก.บจก.อุตสาหกรรมการบิน 
 
ด้านกฎหมาย 5 คน อาทิ ศ.ดร.เสาวนีย์ อัศวโรจน์ อาจารย์ประจำพิเศษสาขานิติศาสตร์ มสธ., ประพันธ์ คูณมี อนุกรรมการพิจารณา อ.ส.ม.ท.ด้านกิจการกระจายเสียง 
 
ด้านเศรษฐศาสตร์ จำนวน 1 คน คือ อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม คณะกรรมการกฤษฎีกา 
 
ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคหรือส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ มีผู้สมัครแล้ว 5 คน อาทิ วุฒิพร เดี่ยวพานิช นายกสมาคมสิทธิผู้บริโภค, รศ.นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
 
 
12 มกราคม 2561
 
ปธ.สนช. เผย ปธ.กรธ. แนะ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างกฎหมายลูกว่าด้วย ป.ป.ช. กรณียกเว้นลักษณะต้องห้ามกรรมการ ป.ป.ช.
 
พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงข่าวเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ... ที่ผ่านการพิจารณาของ สนช. สามวาระแล้ว ว่า ได้ส่งร่างกฎหมายลูกดังกล่าวไปยังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว หากมีข้อโต้แย้งจาก 2 หน่วยงานนี้ ก็จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมสามฝ่ายต่อไป 
 
ขณะเดียวกันมีชัย ฤชุพันธ์ ประธาน กรธ. ได้ส่งหนังสือแสดงความห่วงใยมายัง สนช. เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ที่ในร่างกฎหมายลูกฉบับนี้ได้มีการยกเว้นให้กรรมการ ป.ป.ช.ที่มีลักษณะต้องห้าม คือ เคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือกรรมการองค์กรอิสระมาก่อนยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ โดย ประธาน กรธ. เห็นว่า ควรให้ส่งประเด็นดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าสามารถกำหนดยกเว้นลักษณะต้องห้ามดังกล่าวได้หรือไม่ ขณะที่ในส่วนของ ป.ป.ช.ยังไม่ส่งข้อโต้แย้งใดๆ รวมทั้งรอสมาชิก สนช. แต่ละคนด้วยว่าจะมีการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความในประเด็นดังกล่าวหรือไม่ หากไม่ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ สนช. จะส่งร่างกฎหมายลูกว่าด้วย ป.ป.ช. ไปยังคณะรัฐมนตรีต่อไป
 
ทั้งนี้ประธาน สนช. ยอมรับว่ารู้สึกไม่สบายใจกรณีที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่า ที่สุดแล้วหาก สนช. ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะตุลาการฯ มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเหมือนกัน จึงขอชี้แจงว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งคณะยังสามารถทำหน้าที่ได้ ส่วนตุลาการฯ 5 ท่าน ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนี้คือการรักษาการสามารถทำหน้าที่ต่อไปได้เช่นกัน จึงไม่เกี่ยวข้องกับการยกเว้นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม เช่นเดียวกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ขณะนี้ยังอยู่รักษาการต่อไป