6 พฤศจิกายน 2562 เป็นวันนัดประชุมครั้งแรกของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนับเป็นการประชุมสภาทั่วไปสมัยสามัญครั้งที่สอง ซึ่งมีเวลาการประชุมสภาทั้งสิ้น 120 วัน โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้สภาประชุมสมัยสามัญได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี แต่สามารถขยายเวลา หรือ ประชุมนอกรอบที่เรียกว่าวิสามัญได้
ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งแรกมีญัตติที่น่าสนใจอย่างน้อย 3 เรื่อง ที่ได้รับการบรรจุเข้าสู่
ระเบียบวาระการประชุม ได้แก่ การขอตั้งคณะกรรมมาธิการวิสามัญ (กมธ.) ศึกษาผลกระทบจากการใช้ประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอตั้ง กมธ. วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์ และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 และ ขอตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาเรื่องการทำร้ายนักกิจกรรม โดยมีรายละเอียดดังนี้
หนึ่ง เสนอตั้งคณะทำงานศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจพิเศษยุคคสช.
ญัตติ ขอตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการประกาศและคำสั่ง คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตาม ม.44 เป็นเรื่องที่อยู่ในวาระเร่งด่วนเรื่องแรกที่สภาจะต้องพิจารณาในเกิดเปิดประชุมสภาสมัยที่สอง โดยคนเสนอการตั้ง กมธ.วิสามัญ คือ ปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ยื่นหนังสือให้สภาพิจารณาขอตั้ง กมธ.ดังกล่าวตั้งแต่วันที่
26 มิถุนายน 2562 โดยให้เหตุผลในการตั้ง กมธ. ว่าเนื่องจากเห็นว่าประกาศ คำสั่ง ที่ คสช. ออกยังบังคับใช้เป็นกฎหมาย และการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ยังส่งกระทบต่อประชาชนบางกลุ่มตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทำให้ต้องมี กมธ.ขึ้นมาศึกษาผลกระทบดังกล่าว
สอง เสนอตั้งคณะทำงานศึกษาหลักเกณฑ์ และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ญัตติดังกล่าวเป็นวาระเร่งด่วนเรื่องที่สองของการเปิดประชุมสภา โดยคนเสนอการตั้ง กมธ. ดังกล่าวคือ สุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ผู้ประสานงานเจ็ดพรรคฝ่ายค้าน และปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้เสนอ ตั้งแต่วันที่
22 สิงหาคม 2562 โดยให้เหตุผลในการยื่นว่า รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 นั้นมีปัญหาถูกวิจารณ์ความเป็นประชาธิปไตยของรัฐธรรมนูญ และการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นขณะทำประชามติ อีกทั้งตัวรัฐธรรมนูญเองก็มีปัญหาที่เห็นได้ชัดเช่นเรื่องระบบการเลือกตั้งเป็นต้น และเสียงของประชาชนจาก “นิด้าโพล” ก็แสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญโดยด่วน ซึ่งปัญหาก็คือการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำได้ยาก จึงต้องขอตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ก่อน
หลังจากนั้นต้นเดือนกันยายน 2562 พรรคประชาธิปัตย์มีมติยื่น
ญัตติขอจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนามีมติพรรคเช่นเดียวกัน
ตามมาด้วย ส.ส. พลังประชารัฐ ยื่น
ญัตติด่วน ขอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาเรื่องหลักเกณฑ์ และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560
สุดท้าย ในวันที่
13 กันยายน 2562 ทีประชุมสภาผู้แทนฯ มีมติเอกฉันท์คะแนน 436 เสียง ต่อ 0 เสียง ให้เลื่อนญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ขึ้นมาเป็นเรื่องเร่งด่วนลำดับที่ 6 ซึ่งก่อนปิดการประชุมสภาสมัยแรกเรื่องเร่งด่วน 5 ลำดับก่อนเรื่องนี้ได้พิจารณาเสร็จสิ้นหมดแล้ว ในการเปิดประชุมสภาสมัยที่สอง วาระการตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์ และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ต้องได้เข้ารับการพิจารณาจากสภาแน่นอน
สาม เสนอตั้งคณะทำงานพิจารณาเรื่องการทำร้ายนักกิจกรรมทางการเมือง