ตลอดเวลาแปดปีที่ผ่านมา รอยแผลที่เกิดจากนโยบายทวงคืนผืนป่ายังคงสดใหม่ ประชาชนจำนวนมากที่ถูกหน่วยงานความมั่นคงไล่ออกจากที่ดินของตนเองยังคงต้องแบกรับภาระทางคดีความที่ตามมา โดยในเดือน
กรกฎาคม 2565 ศาลฎีกาเพิ่งจะมีคำสั่งจำคุกชาวกะเหรี่ยงวัย 50 ปี ถึง 2 ปี 8 เดือน และปรับอีก 3.1 แสนบาท จากข้อกล่าวหาบุกรุกเขตป่าสงวนทั้งที่เป็นพื้นที่ทำกินของครอบครัวมาตั้งแต่รุ่นแม่ของตนเอง แม้จะมีความพยายาม
เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขและออกกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของนโยบายทวงคืนผืนป่า แต่ก็ยังไม่เคยมีการตอบรับจากผู้นำในรัฐบาลประยุทธ์
เศรษฐกิจสีเขียว? ย้อนดูผลงาน "ส่งเสริมทุน-ลดทอนสิ่งแวดล้อม" ของรัฐบาลประยุทธ์
ในโมเดลเศรษฐกิจแบบ BCG ระบุว่า รัฐบาลจะดำเนินการพัฒนาศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่คำนึงถึงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อมองย้อนถึงผลงานในอดีตของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า รัฐบาลมีการใช้อำนาจพิเศษและช่องทางพิเศษในการออกกฎหมายเพื่อยกเว้นกฎเกณฑ์และแก้กฎหมายที่ให้ผลประโยชน์กับภาคธุรกิจโดยต้องแลกมากับผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนในชุมชน ดังนี้
๐ หนึ่ง ยกเว้นการทำ EIA - ยกเว้นผังเมือง เปิดทางสร้างโรงไฟฟ้าขยะ
หลังการรัฐประหาร คสช. และ หน่วยงานภาครัฐ พยายามผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่ใช้ขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิง หรือ "โรงไฟฟ้าขยะ" แต่ทว่า การทำโรงไฟฟ้าขยะที่ได้มาตรฐาน ถูกต้อง ปลอดภัยต่อชุมชน มีค่าใช้จ่ายสูง เพราะมีหลายขั้นตอนและต้องดำเนินการหลายขั้น ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลประยุทธ์ จึงตัดสินใจ ‘ตัดตอน’ กระบวนการบางอย่างออกไป เช่น
ออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ 7) ปี 2558 ให้
โครงการโรงไฟฟ้าขยะมูลฝอยทุกขนาดกำลังการผลิตไม่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA
นอกจากนี้ รัฐบาลยังเร่งรัดขั้นตอนต่างๆ ด้วยการใช้อำนาจตาม "มาตรา 44" ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวฯ ปี 2557 ออก
คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 4/2559 เรื่อง การยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ซึ่งคำสั่งดังกล่าวเป็นผลให้โรงงานอุตสาหกรรมไม่ต้องเจอข้อจำกัดทางกฎหมายเรื่องพื้นที่ตั้งโรงงานหรือกิจการที่เกี่ยวข้องการผลิตพลังงานและการจัดการขยะของเสียสิ่งปฏิกูล กล่าวคือ
การอนุญาตให้โรงไฟฟ้าขยะ สามารถตั้งโรงงานในพื้นที่ไหนก็ได้ แม้จะตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ของชุมชน สิ่งแวดล้อม หรือพื้นที่ทางการเกษตร
๐ สอง เร่งรัดทำ EIA - ยกเว้นผังเมือง เปิดทางสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ
หนึ่งในแผนเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาลประยุทธ์ คือ การสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่รู้จักกันในชื่อว่า "อีอีซี" และเพื่อให้แผนการนี้เดินหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช. ได้ใช้อำนาจพิเศษทลายข้อจำกัดต่างๆ อย่างเช่น การออก
คำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 3/2559 เรื่อง
การยกเว้นการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง และกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อีกทั้ง ยังมีการออก
คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 28/2560 ที่ให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.)
เร่งรัดการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชุมชน (EIA/EHIA) ในพื้นทีอีอีซีให้เสร็จภายในหนึ่งปี
๐ สาม แก้กฎหมายแร่ ขยายเวลาสัปทาน ตัดการมีส่วนร่วมประชาชน
พ.ร.บ.แร่ ปี 2560 เป็นหนึ่งในมรดกที่สนช. สภาที่มาจากคสช. เป็นคนทิ้งไว้ โดยกฎหมายฉบับนี้มีหลายเรื่องที่พยายามจะทำให้
มาตรการปกป้องสิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น แต่ก็ยังมีจุดที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง เริ่มจากสัดส่วนคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ และสัดส่วนคณะกรรมการแร่ ที่ยังเต็มไปด้วยตัวแทนจากภาครัฐและภาคธุรกิจ ในขณะที่ภาคประชาชนและท้องถิ่นกลับมีสัดส่วนน้อยมาก ส่งผลให้การตัดสินใจใด ๆ ยังขาดการมีส่วนร่วมภาคประชาชน
อีกทั้ง
บทเฉพาะกาลของกฎหมายยังไปลบล้างหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารจัดการแร่บางอย่าง เช่น การกำหนดให้ประทานบัตรที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายฉบับเก่าไม่ต้องดำเนินการจัดทำแนวพื้นที่กันชนการทำเหมือง ไม่ต้องจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน ไม่ต้องฟื้นฟูสภาพเหมืองแร่ รวมถึงไม่ต้องวางหลักประกันและจัดทำประกันภัย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหลักเกณฑ์ที่สำคัญต่อการคุ้มครองคุณภาพชีวิต สุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของประชาชนและชุมชนที่อาจได้รับผลกระทบต่อการทำเหมืองแร่
๐ สี่ แก้กฎหมายโรงงาน ลดการตรวจสอบโรงงานขนาดเล็ก
พ.ร.บ. โรงงาน ปี 2562 เป็นอีกหนึ่งผลงานทิ้งท้ายของสนช. ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ได้ตัดลดกฎระเบียบข้อบังคับให้นายทุนเจ้าของโรงงานสามารถทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น เช่น การแก้ไขนิยามทำให้โรงงานขนาดเล็กจำนวนมากไม่ต้องถูกกำกับควบคุมโดย พ.ร.บ. โรงงาน และทำให้เจ้าของโรงงานสามารถลักไก่สร้างโรงงานก่อนได้รับใบอนุญาตได้ นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขให้เจ้าของโรงงานไม่ต้องขอต่อใบอนุญาตโรงงานอีก จากเดิมที่ต้องทำทุกห้าปี ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้กำกับดูแลไม่สามารถตรวจสอบมาตรฐานของโรงงานได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งยังเปิดช่องให้เอกชนสามารถเข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบโรงงานและเครื่องจักแทนเจ้าหน้าที่ได้ ส่งผลให้มีการตั้งคำถามถึงการ “ฮั้ว” กันระหว่างเอกชนผู้ตรวจสอบและเอกชนผู้เป็นเจ้าของกิจการ
โดย พ.ร.บ.โรงงาน ปี 2562 กลายเป็นประเด็นมากขึ้น เมื่อเกิดเหตุโรงงานหมิงตี้เคมิคอลระเบิดในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีผู้ให้ความเห็นว่าส่วนหนึ่งก็มีเหตุมาจากกฎหมายฉบับใหม่นี้ที่ยกเลิกการต่ออายุใบอนุญาตทุกห้าปีไป ทำให้เกิดความหละหลวมในมาตรฐานความปลอดภัย
๐ ห้า ลัดคิวให้เอกชนประมูลงานก่อน ทำรายงาน EIA ทีหลัง
ในสมัยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคสช. รัฐบาลได้แก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ อย่างน้อยสองครั้ง โดยครั้งแรก ทำผ่านการ
คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 9/2559 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยให้หน่วยงานรัฐสามารถเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติให้มีการจัดหาประมูลโครงการหรือผู้รับเหมาได้ ก่อนที่รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะผ่านความเห็นชอบ ซึ่งหมายความว่า หน่วยงานรัฐสามารถเริ่มกระบวนการหาผู้รับเหมาได้ตั้งแต่ก่อนจะรู้ผล EIA ว่าจะเป็นอย่างไร เพียงแต่จะยังไม่สามารถทำข้อตกลงหรือเซ็นสัญญาได้จนกว่าจะมีผลการพิจารณารายงานออกมาเท่านั้น
ส่วนการแก้ไข พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฯ ครั้งที่สอง มาจากสนช. โดยมีการแก้ไขเฉพาะในส่วนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยให้หน่วยงานขอ ครม. อนุมัติคัดเลือกเอกชนมาดำเนินโครงการจำเป็นเร่งด่วนได้ก่อน แม้ยังไม่ทราบผลการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA/EHIA) แต่ทั้งนี้ หน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจจะสามารถทำได้เพียงขั้นตอนของประกวดราคาหาผู้รับผิดชอบโรงการเท่านั้น จะยังไม่สามารถทำข้อตกลงหรือเซ็นสัญญาได้จนกว่าจะมีผลการพิจารณารายงานออกมา
๐ หก ลบสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมที่เคยมีอยู่ให้หายไปจากรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ ปี 2560 เป็นรัฐธรรมนูญที่มีที่มาจากคสช. กล่าวคือ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมาจากการคัดเลือกของคสช. ที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยหนึ่งในบรรดาปัญหามากมายของรัฐธรรมนูญ 2560 คือ
ประเด็นสิ่งแวดล้อม เพราะมีการเขียนเรื่องสิทธิทางสิ่งแวดล้อมไว้ต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อน ๆ เริ่มจากการหายไปของถ้อยคำเกี่ยวกับสิทธิของบุคคลที่จะมีส่วนร่วม "ในการคุ้มครอง ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ดำรงชีพอยู่อย่างปกติ และต่อเนื่องในสิ่งแวดล้อมที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิตของคน" หรือ การไม่เขียนถึงสิทธิแสดงความคิดเห็นของบุคคลต่อการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของรัฐ อีกทั้งยังตัดองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพออกไปจากรัฐธรรมนูญ จากเดิมที่เป็นกลไกหนึ่งในการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อนักการเมือง-ประชาชน เสนอกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม รัฐบาลประยุทธ์ปัดตก
นอกจากจะผ่านกฎหมายที่ส่งผลด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว รัฐบาลของประยุทธ์หลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 ยังมี
การขวางกฎหมายที่จะเป็นประโยชน์กับสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ โดยส่วนใหญ่มาจากการเสนอของพรรคฝ่ายค้านหรือภาคประชาชน อย่างน้อยสองฉบับ ได้แก่
หนึ่ง ร่าง พ.ร.บ. การรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า PRTR (Pollutant Release and Transfer Registers) เป็นร่างกฎหมายที่จะเข้ามาเพิ่มความโปร่งใสของการทำธุรกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนที่อยู่โดยรอบ โดยบังคับให้โรงงานหรือธุรกิจที่ปล่อยสารพิษต้องรายงานและเปิดเผยให้กับสาธารณชนทราบว่ามีการปล่อยมลพิษชนิดใดมากน้อยเพียงใด จากเดิมที่โรงงานเพียงต้องรายงานให้กับกรมอุตสาหกรรมทราบโดยไม่มีข้อบังคับว่าต้องเปิดเผยให้คนทั่วไปเข้าถึงได้
ทั้งนี้ ร่างกฎหมาย PRTR เคยถูกเสนอโดยพรรคก้าวไกลเพื่อเข้าไปสู่การอภิปรายและลงมติในสภา แต่ก็โดน พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีปัดตกไป โดยอาศัยอำนาจว่า เป็นร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเงิน จึงต้องผ่านความเห็นชอบจากนายกฯ เสียก่อน
ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด และ ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อประชาชน โดยฉบับแรกเสนอภาคประชาชนผ่านการเข้าชื่อ ส่วนฉบับที่สองเสนอโดยพรรคภูมิใจไทย มีเนื้อหารับรองสิทธิในการได้รับอากาศสะอาดของบุคคล สิทธิทางศาลในการฟ้องร้องต่อผู้ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และกำหนดให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายเพื่ออากาศสะอาด กำหนดหน้าที่ของรัฐที่ต้องจัดระบบบริหารเพื่อให้เกิดอากาศสะอาด ผ่านการจัดนโยบายระดับชาติ การสั่งการหน่วยงานรัฐ การจัดสรรงบประมาณ กำหนดให้รัฐต้องพัฒนาระบบติดตาม ตรวจสอบ เฝ้าระวัง และเตือนภัยแก่ประชาชนเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ แต่สุดท้ายก็ต้องถูกประยุทธ์ปัดตกเช่นเดียวกับ ร่างกฎหมาย PRTR