DSIจ่อถกอัยการออกหมายเรียก18แกนนปช.
อธิบดี DSI เผย เตรียมนัดประชุมร่วมอัยการ ออกหมายเรียก 18 แกนนำเสื้อแดง รับข้อกล่าวหาคดีล้มเจ้า หลังพบเอี่ยวปลุกปั่น

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผย กรณีการตรวจสอบหลักฐานการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบของคณะกรรมการ พบว่า แกนนำและแนวร่วมรวม 18 คน มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมาย ว่าด้วยความมั่นคงแห่งรัฐ ยุยงปลุกปั่น และละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 โดยคาดว่า ในวันที่ 17-18 เม.ย.นี้ ดีเอสไอ จะประชุมร่วมกับพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อออกหมายเรียกบุคคลทั้งหมด มารับทราบข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม สำหรับ ผู้ที่เข้าข่ายจะถูกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา จำนวน 10 รายนั้น เป็นแกนนำที่ ดีเอสไอ จะทำเรื่องขอถอนการประกันตัว ส่วนอีก 8 ราย เป็นผู้ที่ปรากฏตัวบนเวทีปราศรัย ซึ่งเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุน

ที่มา : INN


สรรเสริญไม่หวั่นจตุพรเตรียมฟ้องกลับ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เตรียมแจ้งความทหารกลับ ภายหลังทหารได้แจ้งความจับ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีการปราศรัยพาดพิงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในเวทีปราศรัย เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะทุกคนมีสิทธิ์พึ่งพิงกระบวนการยุติธรรม และเป็นการพิสูจน์ด้วย ขณะเดียวกันหลังจากทหาร ได้แจ้งความแล้ว จากนี้จะเป็นหน้าที่ตามกระบวนการยุติธรรมของตำรวจต่อไป ทั้งนี้อยากใหั้ประชาชนพิจารณาว่า กลุ่มที่จาบจ้วงสถาบัน มีการทำงานที่สอดคล้องกับพรรคการเมืองใดหรือไม่ โดยหวังว่า การเลือกตั้งในครั้งหน้าที่เป็นดุลพินิจของประชาชนนั้น จะเลือกผู้แทนที่จะทำให้บ้านเมืองสงบ และรักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมกันนี้ โฆษกกองทัพบก ยังกล่าวว่า ต้องการให้ประชาชนพิจารณาว่า กลุ่มคนหนึ่งที่ปราศรัยทำนองจาบจ้วงหมิ่นแหม่ต่อพระบรมเดชานุภาพเช่นนี้ จะมีความเชื่อถือได้หรือไม่ เพราะทุกพระองค์ ได้ทุ่มเทด้วยความเหนื่อยยาก เพื่อความสุขของประชาชนมาโดยตลอด

ที่มา : Sanook
 

ผบ.ทบ.สั่งเกาะติดหมิ่นสถาบันทุกช่องทางสื่อสาร
ผบ.ทบ.สั่ง กอ.รมน.ทั่วประเทศตรวจสอบการหมิ่นเบื้องสูงทุกช่องทางสื่อสาร พร้อมประสานไอซีที-ตำรวจจับกุม ดำเนินคดีตามกฎหมาย โฆษกเผยที่ผ่านมาได้ดำเนินคดีไปจำนวนมากแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รองผอ.รมน.) ได้สั่งการให้ กอ.รมน.ภาคและจังหวัด ตรวจสอบการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ทางสถานีวิทยุชุมชน เว็บไซต์ และอินเตอร์เน็ต

พล.ต.ดิฎฐพร ศศะสมิต โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศูนย์ประสานการปฏิบัติ ด้านโครงการพระราชดำริและเทิดเกียรติ ปกป้องสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็น ศูนย์หมายเลข 6 ในจำนวน 6 ศูนย์ที่ กอ.รมน. มีอยู่ ได้ทำหน้าที่ประสาน สั่งการและแจ้งเบาะแส และข้อมูลการละเมิดสถาบันฯไปยัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และตำรวจ เพื่อดำเนินการตามกฏหมาย “ที่ผ่านมามีการดำเนินคดี คนที่หมิ่นสถาบันฯ ในรูปแบบต่างๆ จำนวนมาก แต่ กอ.รมน. ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากจะส่งผลต่อการสืบสวนสอบสวน อีกทั้งถือว่าเป็น ภารกิจที่ไม่พึงเปิดเผย เพราะมีผลดีผลเสีย ฝ่ายตรงข้ามจะรู้ตัวและหลบหนี แต่ขอบอกว่า เราทำงานกันตลอดเวลา” พล.ต.ดิฎฐพร กล่าว

ที่มา : โพสต์ทูเดย์
 

สหรัฐชี้ไทยเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตมากขึ้น
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐออกรายงานประเมินสิทธิมนุษยชนประจำปีทั่วโลก ระบุไทยเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยรัฐบาลไทยติดตามอย่างใกล้ชิดและบล็อกเว็บไซต์ที่แสดงความเห็นต่อต้านรัฐบาล หรือวิจารณ์บางอย่างอย่างไม่เหมาะสม

ส่วนเมื่อปีที่แล้ว จีนเพิ่มการจำกัดเสียงวิจารณ์และคุมเข้มภาคประชาสังคม ทั้งยังเพิ่มข้อจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แนวโน้มแง่ลบดูเหมือนเลวร้ายในช่วยต้นปีนี้ เพราะมีการคุมตัวนักเคลื่อนไหว

นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศเรียกร้องให้ปล่อยตัวนาย อ้าย เหว่ย เหว่ย ศิลปินและนักวิจารณ์รัฐบาลคนล่าสุดที่ถูกคุมตัว รวมถึงทนายความ นักเขียน นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหว

รายงานของสหรัฐ ระบุว่า เวียดนามก็ปราบปรามนักเคลื่อนไหวมากขึ้น ด้วยการจับกุมนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างน้อย 25 คนเมื่อปีที่แล้ว และตัดสินว่ามีความผิดไป 14 คน นอกจากนั้น เสรีภาพทางอินเทอร์เน็ตก็ถูกจำกัดมากขึ้น เพราะรัฐบาลโจมตีเว็บไซต์ที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งยังสอดแนมบล็อกเกอร์ที่เป็นนักเคลื่อนไหว ส่วนสภาพในเกาหลีเหนือและพม่ายังไม่สดใส โดยพม่านั้นแม้ปล่อยตัวนางออง ซานซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน แต่การเลือกตั้งเมื่อปลายปีที่แล้วยังถูกวิจารณ์ว่าไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม นอกจากนั้นทหารในรัฐฉานและกะเหรี่ยงยังเผาหมู่บ้านของชนกลุ่มน้อย ส่วนจำนวนทหารเด็กก็เพิ่มเป็นเกือบ 12,000 คน

รายงานของสหรัฐ ระบุว่า สถานการณ์ในกัมพูชาก็ก่อให้เกิดความวิตก เพราะหน่วยงานด้านความมั่นคงใช้กำลังถึงขั้นวิสามัญฆาตกรรมทั้งยังมักทำร้ายผู้ต้องหาเพื่อให้สารภาพ อีกทั้งกัมพูชายังจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพสื่อ รวมถึงพยายามทำให้เอ็นจีโออ่อนแอ โดยสหรัฐกล่าวว่าการกดดันเอ็นจีโอ เป็นส่วนหนึ่งของกระแสทั่วโลกที่รัฐบาลกำลังกดดันนักวิจารณ์ อย่างร่างกฎหมายทำให้เอ็นจีโอจดทะเบียนได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเอ็นจีโอกลุ่มเล็ก ๆ

แต่สถานการณ์ในอินโดนีเซีย กระเตื้องขึ้น เพราะมีสื่อที่เสรีและภาคประชาสังคมที่กำลังก่อตัว แม้อินโดฯ ก่อกวนชนกลุ่มน้อยอย่างเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงใช้กำลังเกิดกว่าเหตุ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในจังหวัดปาปัวก็ตาม

ที่มา : Voice TV

ตูนิเซีย "จัดเต็ม" เล่นงานอดีตผู้นำเผด็จการ"เบน อาลี"ตั้งข้อหา 18 คดี รวมฆาตกรรม-ค้ายาเสพติด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ว่า อัยการตูนิเซียเตรียมดำเนินคดีกับอดีตประธานาธิบดีไซเน่ เอล อบิไดน์ เบน อาลี ซึ่งถูกโค่นล้มอำนาจจากมวลชนตูนิเซียจากการปฎิวัติเรียกร้องประชาธิปไตยในช่วงที่ผ่านมา โดยอัยการจะตั้งข้อหาคดีอาญาต่างๆ จำนวน 18 คดี รวมทั้งฆาตกรรม และค้ายาเสพติดด้วย โดยนับเป็นครั้งแรกที่ทางการตูนิเซียได้เปิดเผยรายละเอียดของข้อหาต่างๆ ที่อดีตผู้นำเผด็จการรายนี้จะต้องเผชิญ หากเขาถูกส่งตัวกลับประเทศ หลังปกครองตูนิเซียด้วยกฎเหล็กเผด็จการเป็นเวลากว่า 23 ปี

รายงานระบุว่า ที่ผ่านมา เบน อาลี ได้ถูกกล่าวหา เป็นผู้สั่งการให้กองกำลังความมั่นคงเข้าใช้กำลังปราบปราบประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยและขับไล่เขาจากอำนาจ ซึ่งส่งผลให้เขามีผู้เสียชีวิตกว่า 200 ราย ขณะที่อัยการระบุว่า รัฐบาลเฉพาะกาลของตูนิเซีย จะสนับสนุนการเรียกร้องให้รัฐบาลซาอุดิอาระเบียส่งตัวนายเบน อาลี ซึ่งลี้ภัยในประเทศนี้ คืนสู่มือทางการตูนิเซีย นอกจากนี้ ตูนิเซีย ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลแคนาดา อายัดทรัพย์สินของนายเบลฮาสเซ็น ทราเบลซี น้องเขยผู้ร่ำรวยของอดีตผู้นำตูนิเซียด้วย ท่ามกลางรายงานข่าวว่า เขาและครอบครัวได้หนีไปลี้ภัยอยู่ในเมืองมอนตรีออล ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 ม.ค.พร้อมภรรยาและครอบครัว ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลใหม่ตูนิเซีย ได้จับกุมสมาชิกของตระกูลเบน อาลี เป็นจำนวน 31 ราย ในข้อหาปล้นชาติและทรัพยากรของประเทศ

ที่มา: มติชน


พท.ปัดพูดยิ่งลักษณ์ปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย ไม่เคยระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออันดับหนึ่งของพรรค เรื่องนี้ถือเป็นเพียงการรายงานข่าวเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ผู้สมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ อันดับหนึ่งของพรรค จะชัดเจน เมื่อ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา พร้อมฝากไปยัง พรรคประชาธิปัตย์ ให้ตั้งใจทำงานมากกว่ากังวลในเรื่องของพรรคเพื่อไทย

นอกจากนี้ นายจิรายุ กล่าวอีกว่า พรรครู้สึกเป็นห่วง จากกรณีที่ทหารบางราย พยายามนำทหารทั้งประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะในกรณีที่ โฆษกกองทัพบก ออกมาระบุว่า การปราศรัยของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มนปช. ซึ่งปราศรัยถึงกลุ่มเสี่ยงนั้น มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง โดยเห็นว่าเป็นการสร้างความแตกแยกแบ่งประชาชน พร้อมตั้งคำถามถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีพรรคการเมืองหรือไม่

ที่มา : sanook


ก.พาณิชย์ เตรียมเสนอร่างกฎหมายโลจิสติกส์เข้าสู่ที่ประชุม ครม. หลังสงกรานต์
 นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังเทศกาลสงกรานต์ ได้เตรียมนำร่าง พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ พ.ศ. ... เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจโลจิสติกส์มีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะการที่ไทยได้เปิดเสรีทางการค้า ทำให้มีการแข่งขันสูงขึ้น ซึ่งหากไม่มีการปรับตัว จะทำให้เสียเปรียบต่างชาติ แต่ถ้ามีกฎหมายสนับสนุนเชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจดังกล่าวมีความเข้มแข็งและแข่งขันได้ อย่างไรก็ตาม ขอบเขตของกฎหมายฉบับนี้ จะให้การส่งเสริมกับธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ทุกประเภท เช่น การจัดการคลังสินค้า การขนส่ง การเคลื่อนย้าย การจัดเก็บ การรวบรวม หรือการกระจายสินค้าหรือบริการ รวมทั้งกิจการที่เกี่ยวเนื่อง ยกเว้นธุรกิจให้บริการขนส่งผู้โดยสาร

ที่มา : มติชน