แม้พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2562 แต่พอถึงกำหนดบังคับใช้ รัฐบาล คสช.2 ก็เลื่อนการบังคับใช้ออกไป เป็นครั้งที่สองแล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้เก็บข้อมูลก็ยังลอยตัว ไม่มีกฎหมายบังคับ ระหว่างนี้ยังเอาข้อมูลไปทำอะไรก็ได้ โดยไม่มีความชัดเจนว่าเมื่อใดถึงจะพร้อมใช้จริง แถมการเลื่อนครั้งนี้อ้างโควิด-19 กระทบเศรษฐกิจและสังคม
หลังการรัฐประหารปี 2557 องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญกลายเป็นส่วนของระบบเผด็จการ คสช. ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา องค์กรเหล่านี้เข้ามายึดพื้นที่ทางการเมือง เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาอำนาจ คสช. และทำลายฝ่ายตรงข้าม คสช.
ทบทวนบทบาทของ สนช. ที่แก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายหลายครั้งอย่างลับๆ เกี่ยวกับพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ เมื่อถึงยุคของ ส.ว. ก็ยังตั้งกมธ.พิทักษ์สถาบันฯ รวมทั้งขวางการ #แก้รัฐธรรมนูญ หมวดพระมหากษัตริย์ และอีก 38 มาตรา
ส.ว. "ชุดพิเศษ" 250 คน ที่มาจาก คสช. กลายเป็นองค์กรที่มีพื่อสืบทอดอำนาจของคสช. และขวาง #แก้รัฐธรรมนูญ แต่อำนาจหน้าที่ในกระบวนการออกกฎหมายก็ยังอยู่ในมือของพวกเขาด้วย ผลงานตลอด 2 ปีในตำแหน่ง พวกเขาลงมติผ่านร่างพระราชบัญญํติได้ 11 ฉบับ และอนุมัติพระราชกำหนดให้คณะรัฐมนตรีได้ 6 ฉบับ โดยเสียง เห็นชอบแทบจะไม่มีแตกแถว
หลังพล.อ.ประยุทธ์ เข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ สมัยที่สอง ได้ใช้อำนาจในการไม่ให้คำรับรองกฎหมาย หรือ อำนาจในการปัดตกกฎหมาย ไปอย่างน้อย 21 ฉบับ และพบว่าในจำนวนดังกล่าวเป็น ร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตประชาชน อย่างน้อย 11 ฉบับ และที่เกี่ยวกับสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง อย่างน้อย 4 ฉบับ
แม้ประเทศไทยจะเคยมีการทำประชามติมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีกฎหมายประชามติที่ใช้เป็นการทั่วไปมาก่อน ถ้าหากร่างพ.ร.บ.ประชามติฯ ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา จะเป็นกฎหมายที่รองรับการจัดทำประชามติเพื่อให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศมีส่วนร่วมตัดสินใจได้ และรัฐสภา-ประชาชน ก็สามารถเสนอเรื่องประชามติได้
17 มีนาคม 2564 ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภามีนัดพิจารณา "ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ" หรือ ร่าง พ.ร.บ.ประชามติฯ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดย ร่าง พ.ร.บ.ประชามติฯ ฉบับนี้ มีสาระสำคัญว่า การจัดประชามติจะกระทำได้ในสองกรณี คือ การแก้รัฐธรรมนูญ กับ ที่ครม. มีมติเสนอ และผลการตัดสินประชามติให้ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิและผู้มาใช้สิทธิ อีกทั้ง ให้อำนาจ กกต. ในการกำกับการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อโทรทัศน์ รวมถึงมีบทลงโทษสำหรับการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จซึ่งมีโทษจำคุกถึงห้าปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท
การพิจารณา #แก้รัฐธรรมนูญ วาระสอง ส.ว.บางรายได้ทิ้งประเด็นเกี่ยวพระราชอำนาจ 38 มาตรา นอกเหนือหมวด 2 ไว้ ซึ่งกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญของ ส.ว. ใช้เป็นข้ออ้างในการคว่ำ #แก้รัฐธรรมนูญ ในวาระสาม โดยทั้ง 38 มาตรานั้น ล้วนมี keyword ที่ปรากฏในบทบัญญัติ คือ คำว่า "พระมหากษัตริย์"
ประเทศไทยประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มานานแต่ยังไม่มีกฎหมายเพื่อจัดการปัญหามลพิษให้เกิดอากาศสะอาดอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี มีผู้เสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการมลพิษและอากาศสะอาดสี่ฉบับ หนึ่งฉบับกำลังอยู่ในกระบวนการเข้าชื่อประชาชน อีกสามฉบับกำลังรอนายกฯ ให้ "คำรับรอง"
25 ก.พ.64 มีการอภิปรายเพื่อพิจารณา #ร่างรัฐธรรมนูญ เป็นวันที่สอง ในประเด็นที่ถกเถียงกันว่า เมื่อตั้ง สสร. มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว จะสามารถเขียน หมวด1 ว่าด้วยบททั่วไป และหมวด 2 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ได้หรือไม่ ชวนอ่านสรุปคำอภิปรายจากส.ส.พรรคก้าวไกล และส.ว.ก่อนลงมติ