หลักการ
ปลายปี 2554 ประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ น้ำท่วมขังเป็นเวลาหลายเดือนในกว่า 20 จังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิกฤตครั้งนี้กรุงเทพมหานครเองก็หลีกเลี่ยงไม่พ้น
ภัยพิบัติครั้งนี้ นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนอย่างมหาศาลแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงการช่วยเหลือเกื้อกูล ซึ่งกันและกันของคนในประเทศอีกด้วย ผู้คนจำนวนมากบริจาคเงิน สิ่งของ และเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือ นักประดิษฐ์ก็คิดค้นนวัตกรรมทั้งการทำเสื้อชูชีพ การทำเครื่องตรวจไฟฟ้ารั่ว นักวิทยาศาสตร์ก็ถกเถียงกันเรื่องน้ำเน่า หมอก็เร่งให้ความรู้เรื่องโรคที่อาจมากับน้ำ
นอกจากนี้ นักกฎหมายและผู้ที่สนใจการมีส่วนร่วมทางกฎหมายก็ได้เปิดหน้ารณรงค์ผ่านทางเฟซบุ๊คชื่อว่า
“ท่วมหมื่นชื่อ” เพื่อเสนอให้ประชาชนเข้าชื่อกันหนึ่งหมื่นชื่อผลักดันร่างกฎหมายออกมาแก้ไขเยียวยาวิกฤตการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้และในอนาคต
“ร่างพระราชบัญญัติ รวมใจแก้วิกฤตสาธารณภัย พ.ศ. ….” ถูกร่างขึ้นโดย วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายที่เฝ้ามองสถานการณ์น้ำท่วมและเห็นความไม่โปร่งใส่ ไม่เป็นธรรมหลายประการ ร่างกฎหมายนี้มีแนวคิดที่น่าสนใจจำนวนมาก ต่างจากกฎหมายป้องกันบรรเทาสาธารณภัยที่มีอยู่แล้ว เช่น
1. เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีสาธารณภัยรุนแรงถึงขั้นวิกฤต แต่งบประมาณและทรัพยากรที่รัฐมีอยู่อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจขอความเห็นชอบของรัฐสภาเพื่อประกาศ “ภาวะรวมใจแก้วิกฤตสาธารณภัย” โดยรัฐสภาต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสิบวัน
2. ให้มีกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย มีรายได้จากเงินบริจาค จากเงินของของกองทุนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๔๔ และจากมาตรการพิเศษที่เรียกเก็บตามกฎหมายนี้
3. ในระหว่างประกาศภาวะรวมใจแก้วิกฤตสาธารณภัย นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดมาตรการพิเศษทางภาษีอากรหรือเงินประกันสังคมเพื่อจัดเก็บรายได้เข้ากองทุนโดยต้องไม่เรียกเก็บจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย
4. หากมาตรการทางภาษีไม่เพียงพอ ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดมาตรการพิเศษ โดยให้รัฐวิสาหกิจผู้ให้บริการสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้า ประปา และโทรคมนาคมมีอำนาจเพิ่มมูลค่าหนี้เกินกว่าความเป็นจริงในใบเรียกเก็บหนี้จากผู้ใช้บริการได้ ให้รัฐวิสาหกิจนำส่งเป็นรายได้เข้ากองทุนโดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายหรือค่าดำเนินการ และต้องไม่เรียกเก็บจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย
5. ต้องมีวิธีการเพื่อรักษาความเป็นธรรมในกรณีที่ภาคธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใดพลอยได้รับประโยชน์เกินกว่าที่ควรด้วย
6. หากคณะรัฐมนตรีเห็นว่า มีเหตุสมควรให้ตรวจสอบค้นหาความจริงถึงสาเหตุของสาธารณภัยที่เกิดขึ้น ประสิทธิภาพของหน่วยงานในการจัดการกับปัญหา ความเสมอภาคและเป็นธรรมในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ความขัดแย้งระหว่างชุมชนผู้ได้รับผลกระทบ หรือแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาในระยะยาว ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งหรือมอบหมายให้คณะกรรมการอิสระชุดหนึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
7. เมื่อกฎหมายนี้มีผลใช้บังคับ ให้ถือว่ารัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบให้ประกาศภาวะรวมใจแก้วิกฤตสาธารณภัยมีระยะเวลาหนึ่งปี และให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการอิสระ
ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ผู้เสนอเล็งเห็นว่า ขณะนี้สังคมไทยกำลังตื่นตัวอย่างมากกับปัญหาน้ำท่วม จึงตั้งใจจะระดมรายชื่อให้ครบหนึ่งหมื่นชื่อโดยเร็ว เพื่อเสนอต่อรัฐสภาในขณะที่กลิ่นอายของปัญหายังอยู่ในสังคม โดยคาดหวังว่าจะให้เป็นร่างกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนฉบับแรกที่ผ่านการพิจารณาของสภา
แต่ขณะเดียวกัน ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังเป็น “แนวคิดไม่ปิดตาย” กล่าวคือ อยู่ในระหว่างนำเสนอต่อสาธารณะเพื่อให้ประชาชนทุกคนร่วมกันพิจารณา ถกเถียง ระดมความเห็น และหาแนวคิดที่อาจจะเป็นคำตอบร่วมกันให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนมาตรการสำหรับภาวะรวมใจแก้วิกฤตสาธารณภัยในปี 2554 นี้ และประเด็นอื่นๆ อีกมากที่ยังอยากชวนคิดชวนคุยด้วยกัน
ความเป็นมา:
มีข้อเสนอว่าการประกาศ “ภาวะรวมใจแก้วิกฤตสาธารณภัย” ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ขอความเห็นชอบของรัฐสภา เห็นว่าขั้นตอนนี้เป็นอย่างไร ยุ่งยากเกินไป หรืออำนาจเบ็ดเสร็จเกินไป
อ่านต่อ
มีข้อเสนอว่าในภาวะสาธารณภัย ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีกำหนดมาตรการพิเศษทางภาษีอากรหรือเงินประกันสังคมเพื่อจัดเก็บรายได้เข้ากองทุน โดยต้องไม่เรียกเก็บจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ
อ่านต่อ
หากขึ้นภาษีแล้ว เงินยังไม่พอ มีข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจให้รัฐวิสาหกิจ เก็บค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ เพิ่มขึ้นเป็นการเร่งด่วนจากผู้ใช้บริการได้
อ่านต่อ
เนื่องจากผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีสูงขึ้น และไม่ถูกเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภคสูงขึ้น ดังนั้นเกณฑ์อย่างไรที่จะบอกว่า ใครเป็นผู้ได้รับผลกระทบหรือไม่
อ่านต่อ
หากร่างนี้ผ่าน เสนอให้ถือว่า มีการประกาศภาวะรวมใจแก้วิกฤติสาธารณภัยมีระยะเวลาหนึ่งปี และให้ถือว่าคณะกรรมการอิสระตรวจสอบค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ(คอป.)ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการอิสระตรวจสอบความจริงจากสาธารณภัยปี2554 นี้
อ่านต่อ
สำหรับเหตุกาณ์เฉพาะหน้านี้ ควรจะมีมาตรการภาวะรวมใจ เป็นอย่างไร จะต้องเก็บภาษีเพิ่มหรือไม่ อย่างไร จะต้องขึ้่นค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบหรือไม่ อย่างไร ประเด็นนี้ยังเปิดกว้างรับฟังทุกความเห็น
อ่านต่อ
ประเด็นอื่นที่ีอยากเห็น อยากพูด อยากเสนอ แลกเปลี่ยนกันได้ที่นี่
อ่านต่อ
Comments
อันเนี้นอ่ะชอบ เพราะตกลงยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
เพื่อนของผู้ประสบภัยไม่น่าจะเป็นผู้ประสบภัย ตอนนี้ก็มีคนมาอยู่บ้านผมหลายคน ไม่เห็นว่ามันจะเดือดร้อนอะไรตรงไหน กับการเกื้อกูกันแค่นี้
น่าจะมีการกำหนดหน้าที่ของรัฐในการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบและเข้าใจอย่างถูกต้องเพียงพอด้วย