24 ธันวาคม 2566 เป็นกำหนดวันเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคมทั้งฝ่ายนายจ้าง และฝ่ายผู้ประกันตัว (ลูกจ้าง) โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คือ สมาชิกในระบบประกันสังคมกว่า 24 ล้านคน ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ที่สำคัญ คือ ทุกคนต้องลงทะเบียนล่วงหน้าภายในเดือตุลาคม 2566 ถึงจะมีสิทธิ
9 ตุลาคม 2566 มีมติไม่อนุญาตให้ออกหมายเรียกตัว สว. อุปกิต ไปทำการสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาในคดีอาญา ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย (อนุญาต) 7 เสียง ไม่เห็นด้วย (ไม่อนุญาต) 174 เสียง และงดออกเสียง 10 เสียง ดังนั้น หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะออกหมายเรียก ต้องออกในช่วงปิดสมัยประชุมสภา ตามหลักความคุ้มกันในรัฐธรรมนูญ 2560
9 ตุลาคม 2566 ศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดการสัมมนาวิชาการในหัวข้อ การทำให้รัฐประหารหมดไป ด้วยมาตรการทางกฎหมาย โดยมีผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล นำเสนอบทความวิเคราะห์ลักษณะของการรัฐประหาร และนำเสนอข้อเสนอเพื่อหยุดวงจรการรัฐประหาร
พรรคก้าวไกลมีมติขับ ปดิพัทธ์ สันติภาดา สส. จังหวัดพิษณุโลก และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกจากพรรค ตามกติกาของรัฐธรรมนูญ 2560 การขับ สส. ออกจากพรรคการเมืองนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก แต่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหกครั้ง โดยมีเหตุผลทางการเมืองต่างกัน
การทำประชามติครั้งแรกเพื่อถามประชาชนว่าอยากได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนเพราะคำถามที่ไม่ดีอาจจะทำให้กระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญทำได้อย่างไม่ราบรื่น หรือไม่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เลวร้ายที่สุด ก็อาจจะถึงขั้นแพ้ประชามติ และปิดประตูการมีรัฐธรรมนูญใหม่ไปอีกหลายปี
ชวนดูไทม์ไลน์การทำงานของกลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ ควบคู่กับการทำงานของกกต. ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่า การรวบรวมรายชื่อของประชาชนทั้งระบบออนไลน์และระบบกระดาษสามารถทำได้ในเวลาเพียงสั้นๆ
20 กันยายน 2566 “ภาคีกฎหมายภาคประชาชน 3 ฉบับ เพื่อความเป็นธรรมทางเพศ” แถลงข่าวเพื่อเปิดตัวการนำเสนอร่างกฎหมายที่ภาคประชาชนจะเข้าชื่อเสนอ 3 ฉบับ คือ ร่างพ.ร.บ.แก้ประมวลกฎหมายแพ่ง #สมรสเท่าเทียม ร่างพ.ร.บ.รับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ และร่างพ.ร.บ.ยกเลิกพ.ร.บ.ปราบปรามการค้าประเวณี
20 กันยายน 2566 กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญได้รับหนังสือจากกกต. ว่าได้ดำเนินการตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอจัดทำประชามติเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ จะส่งเรื่องต่อไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการเพื่อให้ครม.มีมติเห็นชอบต่อไป
“มาตรฐานทางจริยธรรม” เป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจอีกชิ้นหนึ่งของ คสช. ที่เอาไว้ควบคุมนักการเมือง แม้โดยกฎหมายจะบังคับใช้กับศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระด้วยก็ตาม แต่อำนาจในการออกมาตรฐานทางจริยธรรม การดำเนินคดี และการลงโทษล้วนอยู่ในมือของศาลและองค์กรอิสระทั้งสิ้น นับจนถึงคดีล่าสุดของ พรรณิการ์ วานิช อดีต สส. พรรคอนาคตใหม่ มีนักการเมืองถูกตัดสินว่าผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงแล้วจำนวนสี่คน
ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่เคยผ่านวาระหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง 2562 นั้น "ตกไป" แล้ว การจะผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมให้เกิดขึ้นจริงได้จึงต้องเสนอร่างใหม่ ซึ่งมีร่างจากภาคประชาชนและร่างจากพรรคการเมืองพร้อมเสนอเข้าสภาแล้ว